xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่ประกาศสวมหมวกนิรภัย 100% เป็นวาระจังหวัด เน้น “นร.-นศ.-ลูกจ้างเอกชน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่รับลูกรัฐบาล ดันโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% เป็นวาระจังหวัดปี 54 เน้น “นร.-นศ.-ลูกจ้าง-พนักงานเอกชน” ส่วนขรก.ต้องปฏิบัติเป็นตัวอย่างไม่ทำผิดวินัย เตรียมพีอาร์.ทั้ง 25 อำเภอมี.ค.นี้ ด้านผู้ว่าฯ แย้มทำโครงการนำร่องถนนสายหลัก เชื่อจะเปลี่ยนนิสัยคนต้องทำให้รู้สึกเอง พร้อมย้ำทุกฝ่ายต้องช่วยกัน หวัง 3 เดือนเห็นความเปลี่ยนแปลง

นายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการกำหนดให้พ.ศ. 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้เสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับการรับรองคำประกาศเจตนารมณ์ตามปฏิญญามอสโก ของสมัชชาสหประชาชาติที่ประกาศให้ปีพ.ศ. 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน และต่อมาศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้จัดทำแผนปฏิบัติการ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554-2563” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่ำกว่า 10 คน ต่อประชาชน 1 แสนคนนั้น

ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2554 และประกาศให้ปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยประกาศให้สถานที่ราชการเป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งให้หน่วยงานภาครัฐ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งให้กำชับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมายด้วยการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง หากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายและอาจถูกพิจารณาลงโทษทางวินัยได้

สำหรับการดำเนินการในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ ปีพ.ศ. 2554 โดยผุ้ว่าราชการได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา และได้แจ้งให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดหน่วยงานราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติตนตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนแล้ว

ขณะเดียวกันก็ได้แจ้งให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยระดับอำเภอ จัดทำแผนปฏิบัติการทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554-2563 และขอความร่วมมือไปยังบริษัท ห้างร้าน ผ่านทางหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งให้พนักงานในสังกัดสวมหมวกนิรภัยทั้งในขณะขับขี่และซ้อนท้าย เช่นเดียวกับการขอความร่วมมือให้สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาในสังกัดรณรงค์ให้นักเรียนนักศึกษาสวมหมวกนิรภัย

นอกจากนี้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้หารือในการกำหนดมาตรการลดอุบัติเหตุ และแนวทางดำเนินโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในส่วนของมาตรการนั้นจะเน้นวางแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนใน 2 กลุ่มสำคัญ ได้แก่กลุ่มนักเรียนนักศึกษา และกลุ่มพนักงานและลูกจ้างตามบริษัทห้างร้าน ขณะที่การดำเนินโครงการสวมหมวกนิรภัย 100% อยู่ในระหว่างการหารือถึงแนวทางการปฏิบัติ โดยคาดว่าจะเริ่มรณรงค์ทั้ง 25 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวถึงการรณรงค์ให้สวมใส่หมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ในเบื้องต้นคงจะเป็นไปในลักษณะของการขอความร่วมมือก่อน โดยอาจจะลองทดสอบปฏิบัติบนถนนบางสายเป็นโครงการนำร่องก่อน แม้เรื่องดังกล่าวจะถือเป็นกฎระเบียบทางสังคม แต่การจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนนั้น การปลูกฝังให้รู้สึกถึงความจำเป็นและเห็นความสำคัญด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า

ส่วนตัวเชื่อว่าหากมีโครงการนำร่องบนถนนบางสายในเชียงใหม่แล้ว แม้เมื่อพ้นจาจุดดังกล่าว แต่ผู้ขับขี่ก็คงจะไม่ถอดหมวกนิรภัยออก ซึ่งในระยะยาวเมื่อเกิดความเคยชินแล้วก็จะกลายเป็นนิสัยไปเอง เช่นเดียวกับเรื่องของเข็มขัดนิรภัยที่ในระยะแรกประชาชนอาจยังไม่คุ้นชิน แต่เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่องแล้วก็เกิดเป็นความสำนึกเอง ว่าการคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นมีความจำเป็นและขาดไม่ได้

สำหรับเส้นทางที่จะเริ่มดำเนินโครงการคงจะใช้เส้นทางสายหลัก เช่น ถนนห้วยแก้ว เป็นต้น ส่วนในพื้นที่นอกตัวเมืองนั้นคงจะเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะปฏิบัติเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนในพื้นที่

ส่วนการประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์เรื่องการสวมหมวกนิรภัย หลายๆ ฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นราชการ เอกชนหรือสถาบันการศึกษา ทั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าอย่างเร็วที่สุดภายในสามเดือนน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำงานอย่างจริงจังจึงจะเห็นผล

กำลังโหลดความคิดเห็น