พะเยา - ชาวบ้านทำพิธีสาปแช่งนายทุนล้มต้นตะเคียนทองอายุกว่า 200 ปี ผู้ใหญ่บ้านโทรแจ้ง ส.ส.กลางสภาฯ ให้ประสาน ผู้ว่าฯ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึด หวั่นนายทุนใช้อิทธิพลลักลอบเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ระบุไม่ยอมขาย ให้นำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในตำบลเท่านั้น
นายจันทร์ วงศ์ไชย ผญบ.หมู่ 1 บ้านใหม่ท่ากอง ต.บ้านใหม่ อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา พร้อมด้วย ผญบ.ผู้นำชุมชนใน ต.บ้านใหม่ นำชาวบ้านกว่า 100 คน ได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ หมู่ 7 ต.บ้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับ หมู่ 1 บริเวณริมลำห้วยแม่เหยี่ยน ต.บ้านใหม่ เมื่อ 10 ก.พ.54 เพื่อทำการตรวจยึดรถแบคโฮ ที่นายทุนนำเข้ามาปรับที่ดินแล้วทิ้งไว้หลังที่ชาวบ้านแจ้งนายอภิชาต ใจสมิง หน.นปม.พะเยา เข้าตรวจจับ เมื่อกลางดึกวันที่ 9 กงพ.54 ที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่า รถแบ็คโฮคันดังกล่าวเป็นเครื่องจักรที่ทำการโค่นล้มต้นตะเคียนทองอายุกว่า 200 ปี ริมลำห้วยแม่เหยี่ยน ที่มีขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร
ส่วนที่โค่นลำต้นถึงกิ่งแรกยาวประมาณ 12 เมตร ซึ่งถูกโค่นล้มกองอยู่กลางลำห้วยแม่เหยี่ยน โดยส่วนปลายลำต้นมีการตัดกิ่งเพื่อเตรียมขนย้ายออกนอกพื้นที่
นายจันทร์ ไชยวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านใหม่ท่ากอง กล่าวว่า ก่อนที่ต้นตะเคียนจะถูกโค่น ได้มีนายทุนเข้ามาติดต่อขอให้ตนเซ็นชื่ออนุญาตให้ทำการตัดต้นตะเคียนทอง โดยอ้างว่าต้นตะเคียนทองอยู่ในโฉนดที่ดิน เมื่อโค่นลงแล้ว จะนำไปแกะสลักเป็นพระยืนขนาดใหญ่ เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้มอบต้นตะเคียนทองต้นนี้ให้กับ มูลนิธิแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับการแกะสลักพระ โดยไม่คิดมูลค่าเพื่อเป็นการทำบุญ
นายจันทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากทราบวัตถุประสงค์ ตนจึงปฏิเสธ พร้อมชี้แจงกลับไปว่า ต้นตะเคียนต้นนี้ เป็นสมบัติของชุมชน มีการอนุรักษ์มาตั้งบรรพบุรุษ สมัยที่เป็นสภาตำบล ก็ได้ทำการขึ้นทะเบียนไว้ รวมทั้งหมด 8 ต้นที่อยู่ริมลำห้วยเหยี่ยน หากจะโค่นต้นตะเคียน ชาวบ้านต้องออกมาประท้วงอย่างแน่นอน ซึ่งนายทุนผู้มาติดต่อยังกล่าวและแสดงท่าทีอย่างนักเลงว่า จะประท้วงอย่างไรก็ไม่กลัว ขนาดไม้สักใหญ่กว่านี้ที่ อ.ปง จ.พะเยา มีสื่อทีวีมาถ่ายหลายช่องก็เคยขนมาแล้ว เพราะมีผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนมูลนิธิแห่งนี้ พร้อมประกาศว่า ไม่เซ็นให้ก็จะล้มโดยไม่บอกใคร
นายจันทร์ กล่าวต่ออีกว่า หลังนายทุนกลับไปตนสังหรณ์ใจ ว่าต้นตะเคียนอาจถูกโค่นวันใดวันหนึ่งเมื่อชาวบ้านเผลอ จึงได้นำกล้องไปถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน แต่พอผ่านไปแค่ครึ่งเดือนต้นตะเคียนทองอายุกว่า 200 ปี ก็ถูกโค่นล้มจนได้ เมื่อเย็นวันที่ 9 ก.พ.54 ชาวบ้านทราบเรื่องจึงได้มารวมตัวเพื่อต่อต้าน ไม่ให้มีการขนย้ายต้นตะเคียนทองออกนอกพื้นที่ และได้ทำการตรวจยึดรถแบคโฮ ไว้ตรวจสอบหาคนที่โค่นล้มตะเคียนยักษ์มาดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นได้ประสานกับ น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา ซึ่งกำลังประชุมอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะหวั่นเกรงนายทุนจะใช้อิทธิพลบีบข้าราชการในพื้นที่แล้วขนไม้ออกไป โดย ส.ส.พะเยา รับจะเร่งดำเนินการทันที
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยาว่า ได้โทรศัพท์ประสานกับนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และได้เล่ารายละเอียดเบื้องต้นให้ทราบ อีกทั้งได้ขอให้ทางจังหวัดเร่งดำเนินการก่อนที่ชาวบ้านจะประท้วงบานปลาย โดยทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา รับว่าจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดินจังหวัด เข้าไปทำการตรวจสอบรังวัดที่ดินริมลำห้วยแม่เหยี่ยน เพื่อพิสูจน์ว่า ต้นตะเคียนทอง อายุกว่า 200 ปี อยู่ในเขตแดนที่ดินของนายทุนหรือไม่
ส.ส.พะเยา ยังกล่าวต่อว่า ตนได้ติดต่อไปยัง ทสจ.พะเยา เพื่อขอทราบข้อมูลการตัดไม้ตะเคียนเก่าแก่ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชุมชนว่าผิดกฎหมายหรือไม่ โดยได้รับคำชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวมีผู้มาสอบถามว่า หากจะตัดต้นตะเคียนเก่าแก่ ซึ่งอยู่ในโฉนดที่ดินทำได้หรือไม่ ทาง ทสจ.ก็ตอบว่าทำได้ แสดงว่าคนที่เข้ามาดำเนินการต้องรู้ช่องทางของกฎหมายเป็นอย่างดี ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหานายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา อีกทาง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา แจ้งว่าได้สั่งอายัดทั้งรถแบคโฮ และต้นตะเคียนแล้ว เพื่อรอการพิสูจน์ต่อไป
ต่อมา พ.ต.ท.สำราญ วงศ์ไชย สวป.สภ.เมืองพะเยา ได้เข้ามาพบกับผู้นำชุมชน พร้อมชี้แจงความคืบหน้าว่า พ.ต.อ.บัญญัติ เนตร์สุวรรณ ผกก.สภ.เมืองพะเยา ได้ทำหนังสือถึงที่ดินจังหวัดพะเยา ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการรังวัดที่ดินซึ่งนายทุนอ้างว่าคลอบคลุมถึงต้นตะเคียน หากพบว่าต้นตะเคียนอยู่นอกที่ดินของเอกชน ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเย าจะได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม กลุ่มชาวบ้านทั้งหมดยืนยันว่า หากต้นตะเคียนทอง ไปอยู่ในที่ดินของนายทุนก็จะไม่ให้ขนย้ายออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด มีอย่างเดียวคือ นำไปสร้างวัดหรือสาธารณสมบัติในตำบลบ้านใหม่เท่านั้น
