อุบลราชธานี- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้อพยพทยอยกลับภูมิลำเนา ขณะที่โรงเรียนนำดนตรีโปงลางมาแสดงให้ชม เพื่อคลายเครียดจากปัญหาต่างๆ ส่วนวันนี้น้ำใจคนไทยยังหลั่งไหลเข้าช่วยผู้อพยพไม่ขาดสาย
วันนี้ (9 ก.พ.)ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยการสู้รบจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชามาพักอาศัย เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้จำนวนผู้อพยพที่เดิมมีมากกว่า 5,000 คน ลดลงเรื่อยๆ กระทั่งถึงวันนี้ คงเหลือผู้อพยพอยู่ประมาณ 500 คน
ทั้งหมดเป็นชาวบ้านที่มีถิ่นฐานอยู่ใกล้จุดปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา มากที่สุด ทำให้ยังมีความกลัวจะไม่ปลอดภัย จึงยังคงพักอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ เพื่อรอดูสถานการณ์อีกหนึ่งวัน
ด้านการช่วยเหลือสภากาชาดไทย และหน่วยงานราชการ องค์กรการกุศลในจังหวัดอุบลราชธานี ยังนำอาหารสดมาปรุงเลี้ยงผู้อพยพ
ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พร้อมคณะครูอาจารย์ นักศึกษาจากหลายคณะ รวมทั้งครูอาจารย์จากโรงเรียนนารีนุกูล 2 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.อุบลราชธานี นำข้าวสารอาหารแห้ง ของใช้ส่วนตัว ทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ น้ำมันพืชใช้ประกอบอาหารมอบให้ผู้อพยพไว้ใช้จำนวนมาก
ในช่วงบ่าย นายบวร บุญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา ได้นำวงดนตรีโปงลางที่แสดงโดยนักเรียน มาแสดงให้ผู้อพยพชม เพื่อคลายความเครียดจากปัญหาการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา และความเป็นห่วงทรัพย์สินไร่นาที่ปล่อยทิ้งร้างไว้ ตั้งแต่การการปะทะกันขึ้นของทหารทั้งสองฝ่าย
ก่อนหน้านี้ นักวิชาการด้านสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลอำเภอน้ำขุ่น ระบุว่า พบผู้อพยพกว่า 500 ราย มีความเครียดที่แสดงออกทางร่างกาย คือ มีอาการปวดหัว จุกเสียดแน่นท้อง ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุเพราะต้องทิ้งทรัพย์สิน และออกจากบ้านมาอยู่ในจุดอพยพ
ส่วนคนที่มีอาการทางสุขภาพจิต ก็มีอาการซึมเศร้า นั่งเหม่อลอยพบผู้ป่วยประมาณ 50-100 ราย โรงเรียนจึงนำวงดนตรีมาแสดงผ่อนคลายความเครียดให้แก่ผู้อพยพ
ขณะที่ นายบิน คมใส อายุ 74 ปี ชาวบ้านด่านเหนือ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่อพยพหนีภัยมาตั้งแต่วันแรกกล่าวว่า รู้สึกดีขึ้นกว่าวันก่อนๆ เพราะสถานการณ์ทั่วไปเริ่มคลี่คลายลงมาก และเมื่อได้ชมการแสดงก็รู้สึกความสบายใจมากยิ่งขึ้นด้วย