อุบลราชธานี - ชาวอุบลฯ-ศรีสะเกษใกล้จุดปะทะทหารไทย-กัมพูชาเข้าพักในศูนย์อพยพชั่วคราว บางส่วนอาศัยหลับนอนริมถนนลึกเข้ามาในประเทศไทย ด้านสำนักงานสาธารณสุขสั่งโรงพยาบาลประจำอำเภอชายแดนไทย-กัมพูชา สำรองเลือดไว้ช่วยเหลือประชาชนที่อาจถูกลูกหลงจากการปะทะตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา มีรายงานแจ้งว่า หลังทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาที่เขาพระวิหารในช่วงเย็น โดยมีการระดมยิงปืนใหญ่เข้าหากันอย่างหนัก เสียงปืนใหญ่ที่ยิงจากทหารทั้งสองฝ่ายได้ยินมาถึง อ.น้ำขุ่น และ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนทั้ง 2 อำเภอเกรงไม่ปลอดภัยได้พากันอพยพออกจากบ้านเรือน ไปพักอาศัยในพื้นที่ห่างออกไป โดยจุดแรกประชาชนประมาณ 500 คน ได้อาศัยหลับนอนริมถนนน้ำยืน-เดชอุดม บริเวณสี่แยกบ้านบุเปือย ต.บุเปือย ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาจากชายแดนราว 20 กิโลเมตร นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีที่รุดออกมาเยี่ยมราษฎรที่อพยพหนีภัยสงคราม พร้อมสั่งให้เปิดโรงเรียนบ้านปลาขาว ให้ประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราว
ส่วนประชาชนอีกกว่า 1,000 คน ซึ่งบางส่วนเป็นชาวบ้านจาก ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษณ์ ที่ได้รับผลกระทบจากกระสุนลูกปืน ค.ของทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทย และเข้ามาตกใกล้ที่พักอาศัยได้พากันอพยพไปพักอยู่ที่โรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อ.น้ำขุ่น ร่วมกับชาว อ.น้ำขุ่น ทำให้มีที่พักไม่เพียงพอ บางส่วนต้องอาศัยหลับนอนอยู่ริมถนนด้วย
ด้านการช่วยเหลือในทางอำเภอได้นำอาหารมาปรุงเลี้ยงชาวบ้านที่หลบหนีออกมา โดยยังไม่ได้รับประทานอาหาร รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ตั้งเต็นท์ให้บริการแจกยา พร้อมสั่งให้โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง 3 อำเภอ คือ อ.น้ำขุ่น อ.น้ำยืน และนาจะหลวย เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับบาดเจ็บจากลูกหลงจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมทำการอพยพคนไข้ หากการปะทะลุกลามเข้ามาใกล้บริเวณโรงพยาบาล ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดนเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.คืนที่ผ่านมา เสียงการยิงปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายได้สงบลง แต่ชาวบ้านทั้งหมดที่อพยพออกมายังคงปักหลักอาศัยพักหลับนอนอยู่ในจุดอพยพ โดยยังไม่พากันกลับไปเนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่อาจเกิดการปะทะกันอีกในวันรุ่งขึ้น
