ตราด - สถานการณ์ไฟป่า ใน ต.ชำราก และแหลมกลัด จ.ตราด ยังทวีความรุนแรง พบลุกไหม้ต่อเนื่องบนเขาบรรทัด ส่วนผู้ว่าฯตราด ประสานเฮลิคอปเตอร์ ทหารเรือ เข้าดับเพลิง แต่หวั่นปัญหาชายแดน
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่บริเวณสันเขาบรรทัด เขตรอยต่อประเทศไทย และประเทศกัมพูชาด้าน จังหวัดตราดในพื้นที่ อ.เมืองตราด ซึ่งมี 2 ตำบลที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในขณะนี้คือ ต.ชำราก และ ต.แหลมกลัด ซึ่งยังปรากฎว่ามีกลุ่มควันไฟปกคลุมและไหม้อยู่ที่บริเวณสันเขาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่สามารถดับได้
ล่าสุด ร.อ.ซุก อุล ผบ.กองลาดตะเวนที่ 2 กองพัน 501 (คลองม่วง) อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ที่มีชายแดนติดต่อกับ ต.แหลมกลัด และ ต.ชำราก อ.เมืองตราด กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้ป่าทั้งในพื้นที่ จ.โพธิสัต ประเทศกัมพูชา และ จ.ตราด ฝั่งประเทศไทย เกิดจากประชาชนชาวกัมพูชาที่บ้านจอมวย บ้านทมอดา ต.ทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ได้ทำการเผาป่าเพื่อทำการเกษตรกรรมแบบเลื่อนลอย และบุกยึดที่ดินทำกินในพื้นที่เชิงเขา โดยที่ชาวบ้านเกรงว่าจะเข้าไปทำกินในพื้นที่ชายแดนไม่ได้เนื่องจากมีกับระเบิดที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมาก และไม่สามารถเก็บกู้ได้เนื่องจากไม่รู้ว่าอยู่บริเวณใดบ้าง
ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากชาวบ้านใช้วิธีการเผาป่าเพื่อทำลายกับระเบิดให้ระเบิดขึ้น จากนั้นจะเข้าไปแผ้วถางและทำการเกษตรภายหลัง ซึ่งที่ผ่านมาไฟที่เกษตรกรจุดขึ้นได้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้ บริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศและไม่สามารถเข้าไปดับได้ จึงส่งผลกระทบให้เกิดไฟไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้างดังกล่าว
ร.อ.ซุก กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังมีไฟติดไหม้อยู่บริเวณภูเขาบรรทัดจำนวนมากที่ยังไม่สามารถดับได้ และยังลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งชาวบ้านทมอดา และเวียงเวล ต่างประสบกับควันไฟป่าที่ปกคลุมในพื้นที่ตลอดทั้งด้าน จ.โพธิสัต และ จ.ตราด ตอนนี้ยังดับไม่ได้ และยังมีการเผาป่าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ทางเทศบาล ต.ชำราก และ อบต.แหลมกลัด ได้เฝ้าระวังไฟไหม้เข้าพื้นที่เกษตรกรรมของพี่น้องประชาชน โดยนำชุดตัดทางไฟทั้งที่จังหวัดจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลและ อบต.รวมทั้ง อส.ของทั้งชาวบ้านและเจ้าของสวนเข้าไปตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้ไฟได้ลุกลามเข้าไปยังพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน ส่วนในพื้นที่ป่าไม้บนสันเขาบรรทัด ไม่สามารถเข้าไปได้แม้จะมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายจากกับระเบิดที่มีอยู่จำนวนมาก
ด้าน นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ติดต่อกับทางทหาร เพื่อขอให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ช่วยในการดับไฟ โดยใช้การโรยผงเคมี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ตามแนวชายแดนในขณะนี้ไม่ราบรื่น ที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ของทหารออกบินตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสม จึงใช้วิธีการดับไฟทำการช่วยเหลือจากภาคพื้นดิน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นของตำบลตะกางและตำบลชำราก ในการทำแนวกั้นไฟ ซึ่งก็เป็นประโยชน์มากจากการทำแนวกั้นไฟจากเจ้าหน้าที่ และคิดว่า ไม่น่าเกิน 1-2 วัน ไฟคงจะสงบลง และส่วนทางด้านสำนักงานสาธารณสุข ยังไม่มีการรายงานเข้ามาว่ามีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟที่เกิดจากไฟป่า
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่บริเวณสันเขาบรรทัด เขตรอยต่อประเทศไทย และประเทศกัมพูชาด้าน จังหวัดตราดในพื้นที่ อ.เมืองตราด ซึ่งมี 2 ตำบลที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในขณะนี้คือ ต.ชำราก และ ต.แหลมกลัด ซึ่งยังปรากฎว่ามีกลุ่มควันไฟปกคลุมและไหม้อยู่ที่บริเวณสันเขาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่สามารถดับได้
ล่าสุด ร.อ.ซุก อุล ผบ.กองลาดตะเวนที่ 2 กองพัน 501 (คลองม่วง) อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ที่มีชายแดนติดต่อกับ ต.แหลมกลัด และ ต.ชำราก อ.เมืองตราด กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้ป่าทั้งในพื้นที่ จ.โพธิสัต ประเทศกัมพูชา และ จ.ตราด ฝั่งประเทศไทย เกิดจากประชาชนชาวกัมพูชาที่บ้านจอมวย บ้านทมอดา ต.ทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต ได้ทำการเผาป่าเพื่อทำการเกษตรกรรมแบบเลื่อนลอย และบุกยึดที่ดินทำกินในพื้นที่เชิงเขา โดยที่ชาวบ้านเกรงว่าจะเข้าไปทำกินในพื้นที่ชายแดนไม่ได้เนื่องจากมีกับระเบิดที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมาก และไม่สามารถเก็บกู้ได้เนื่องจากไม่รู้ว่าอยู่บริเวณใดบ้าง
ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากชาวบ้านใช้วิธีการเผาป่าเพื่อทำลายกับระเบิดให้ระเบิดขึ้น จากนั้นจะเข้าไปแผ้วถางและทำการเกษตรภายหลัง ซึ่งที่ผ่านมาไฟที่เกษตรกรจุดขึ้นได้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้ บริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศและไม่สามารถเข้าไปดับได้ จึงส่งผลกระทบให้เกิดไฟไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้างดังกล่าว
ร.อ.ซุก กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังมีไฟติดไหม้อยู่บริเวณภูเขาบรรทัดจำนวนมากที่ยังไม่สามารถดับได้ และยังลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งชาวบ้านทมอดา และเวียงเวล ต่างประสบกับควันไฟป่าที่ปกคลุมในพื้นที่ตลอดทั้งด้าน จ.โพธิสัต และ จ.ตราด ตอนนี้ยังดับไม่ได้ และยังมีการเผาป่าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ทางเทศบาล ต.ชำราก และ อบต.แหลมกลัด ได้เฝ้าระวังไฟไหม้เข้าพื้นที่เกษตรกรรมของพี่น้องประชาชน โดยนำชุดตัดทางไฟทั้งที่จังหวัดจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลและ อบต.รวมทั้ง อส.ของทั้งชาวบ้านและเจ้าของสวนเข้าไปตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้ไฟได้ลุกลามเข้าไปยังพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน ส่วนในพื้นที่ป่าไม้บนสันเขาบรรทัด ไม่สามารถเข้าไปได้แม้จะมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายจากกับระเบิดที่มีอยู่จำนวนมาก
ด้าน นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ติดต่อกับทางทหาร เพื่อขอให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ช่วยในการดับไฟ โดยใช้การโรยผงเคมี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ตามแนวชายแดนในขณะนี้ไม่ราบรื่น ที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ของทหารออกบินตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสม จึงใช้วิธีการดับไฟทำการช่วยเหลือจากภาคพื้นดิน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นของตำบลตะกางและตำบลชำราก ในการทำแนวกั้นไฟ ซึ่งก็เป็นประโยชน์มากจากการทำแนวกั้นไฟจากเจ้าหน้าที่ และคิดว่า ไม่น่าเกิน 1-2 วัน ไฟคงจะสงบลง และส่วนทางด้านสำนักงานสาธารณสุข ยังไม่มีการรายงานเข้ามาว่ามีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟที่เกิดจากไฟป่า