ตราด - ประธานหอการค้าตราด ยังมั่นใจสถานการณ์ชายแดนไม่มีอะไร โดยมีการเข้มงวดตามปกติ ขณะอดีตประธานหอฯตราด หวั่นสถานการณ์เลวร้าย ธุรกิจการค้า ประมงทะเลกระทบหนัก ระบุหากเกิดสงครามจริง จ.ตราด น่าห่วง เหตุกัมพูชาอาศัยเต็มเมืองตราด
นายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้า จ.ตราด เผยถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ในส่วนของชายแดนด้านจังหวัดตราดทั้งด่านผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก หรือจุดผ่อนปรนทางการค้าทั้งบ้านมะม่วง และบ้านท่าเส้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดการค้าขายยังคงปกติ หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อตอน 15.00 น.ก็ได้เช็กกับผู้ประกอบการค้าทั้งไทยและกัมพูชา ยังคงค้าขายกันปกติไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนการเข้มงวดในระดับผู้บริหาร อย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ก็เป็นไปตามระเบียบของประเทศกัมพูชา ที่ผู้ว่าฯจังหวัดที่อยู่ติดชายแดนด้าน จ.ตราด ที่รับคำสั่งจากรัฐบาลให้มีการเข้มงวดในด้านอื่นๆ แต่การค้าด้านชายแดน จ.ตราด ยังปกติดี
ด้าน นายประเสริฐ ศิริ อดีตประธานหอการค้า จ.ตราด และพ่อค้าส่งออกสินค้าไปกัมพูชา เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องที่คาดคิดไว้แล้ว เพราะปัจจุบันทหารกัมพูชาไม่กลัวทหารไทยเพราะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยถูกโดดเดี่ยว และประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว เวียดนาม รวมทั้งพม่า ไม่ได้เข้าข้างไทย อีกทั้งนานาชาติก็เห็นใจกัมพูชามากกว่า ดังนั้น หากสู้รบกันไทยจะถูกกดดัน เพราะทุกวันนี้กัมพูชาใช้นโยบายการฑูตที่เหนือกว่าไทย และขีดเส้นให้ไทยต้องเดินตามที่กัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จะได้รับผลกระทบแน่นอน การค้าขายที่มีมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท/ปี จะมียอดสั่งซื้อลดลง และหากมีการพัฒนาความขัดแย้งขึ้น ถึงขั้นปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก จะทำให้ จ.ตราด และประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก ที่ผ่านมา จ.ตราด จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าใดนัก แต่ครั้งนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะวันนี้กัมพูชาไม่ยอมไทยในทุกเรื่อง จะเห็นได้จากการตัดสินจำคุกคนไทยเป็นเวลา 6 ปี และ 8 ปี หมายความว่า กัมพูชาไม่ไว้หน้าประเทศไทยอีกแล้ว ซึ่งตนเองเป็นห่วงว่าไทย-กัมพูชาอาจจะต้องสูญเสียเลือดเนื้อระหว่าง 2 ประเทศแล้ว นอกจากนี้ธุรกิจทำประมงในทะเลกัมพูชา ที่เรือไทยกว่า 50 ลำเข้าไปทำประมงสร้างรายได้ปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท อาจจะต้องถูกยกเลิกสัมปทานน่านน้ำไป
“ผมเป็นห่วงว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะขยายวงกว้างและพัฒนาไปถึงการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ จ.ตราด ได้รับผลกระทบมากที่สุด รวมทั้งชาวตราดที่อยู่ตามแนวชายแดนจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะขณะนี้ชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานใน จ.ตราด หลายหมื่นคน และถ้าเกิดความขัดแย้ง และเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ชาวตราดต้องไม่ปลอดภัยและเดือดร้อนหนักแน่นอน”
นายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้า จ.ตราด เผยถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ในส่วนของชายแดนด้านจังหวัดตราดทั้งด่านผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก หรือจุดผ่อนปรนทางการค้าทั้งบ้านมะม่วง และบ้านท่าเส้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดการค้าขายยังคงปกติ หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อตอน 15.00 น.ก็ได้เช็กกับผู้ประกอบการค้าทั้งไทยและกัมพูชา ยังคงค้าขายกันปกติไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนการเข้มงวดในระดับผู้บริหาร อย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ก็เป็นไปตามระเบียบของประเทศกัมพูชา ที่ผู้ว่าฯจังหวัดที่อยู่ติดชายแดนด้าน จ.ตราด ที่รับคำสั่งจากรัฐบาลให้มีการเข้มงวดในด้านอื่นๆ แต่การค้าด้านชายแดน จ.ตราด ยังปกติดี
ด้าน นายประเสริฐ ศิริ อดีตประธานหอการค้า จ.ตราด และพ่อค้าส่งออกสินค้าไปกัมพูชา เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องที่คาดคิดไว้แล้ว เพราะปัจจุบันทหารกัมพูชาไม่กลัวทหารไทยเพราะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยถูกโดดเดี่ยว และประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว เวียดนาม รวมทั้งพม่า ไม่ได้เข้าข้างไทย อีกทั้งนานาชาติก็เห็นใจกัมพูชามากกว่า ดังนั้น หากสู้รบกันไทยจะถูกกดดัน เพราะทุกวันนี้กัมพูชาใช้นโยบายการฑูตที่เหนือกว่าไทย และขีดเส้นให้ไทยต้องเดินตามที่กัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จะได้รับผลกระทบแน่นอน การค้าขายที่มีมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท/ปี จะมียอดสั่งซื้อลดลง และหากมีการพัฒนาความขัดแย้งขึ้น ถึงขั้นปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก จะทำให้ จ.ตราด และประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก ที่ผ่านมา จ.ตราด จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าใดนัก แต่ครั้งนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะวันนี้กัมพูชาไม่ยอมไทยในทุกเรื่อง จะเห็นได้จากการตัดสินจำคุกคนไทยเป็นเวลา 6 ปี และ 8 ปี หมายความว่า กัมพูชาไม่ไว้หน้าประเทศไทยอีกแล้ว ซึ่งตนเองเป็นห่วงว่าไทย-กัมพูชาอาจจะต้องสูญเสียเลือดเนื้อระหว่าง 2 ประเทศแล้ว นอกจากนี้ธุรกิจทำประมงในทะเลกัมพูชา ที่เรือไทยกว่า 50 ลำเข้าไปทำประมงสร้างรายได้ปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท อาจจะต้องถูกยกเลิกสัมปทานน่านน้ำไป
“ผมเป็นห่วงว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะขยายวงกว้างและพัฒนาไปถึงการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ จ.ตราด ได้รับผลกระทบมากที่สุด รวมทั้งชาวตราดที่อยู่ตามแนวชายแดนจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะขณะนี้ชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานใน จ.ตราด หลายหมื่นคน และถ้าเกิดความขัดแย้ง และเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ชาวตราดต้องไม่ปลอดภัยและเดือดร้อนหนักแน่นอน”