ตาก - ราษฎรไทยบ้านมอเกอร์ไทย ยังไม่กล้าเข้าหมู่บ้าน หลังต้องหนีตายจากกระสุนปืน ค.จากฝั่งพม่า ที่ข้ามมาตกใส่บ้านเรือน-เครื่องมือทางการเกษตรเสียหาย โรงเรียนต้องปิดเรียนกะทันหัน ด้านฝ่ายปกครอง และเอกชนนำอาหารไปให้ ขณะที่ยูเอ็นส่ง จนท.ร่วมดูแลผู้ลี้ภัยพม่า
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า วันนี้ (1 ก.พ.) ที่บริเวณกองร้อยทหารราบที่ 1743 บ้านมอเกอร์ไทย ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก นายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอพบพระ ได้เดินทางไปดูแลราษฎรไทยบ้านมอเกอร์ไทย ที่ได้อพยพหนีภัยสงครามจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย ที่สนธิกำลังร่วมกับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU หรือกะเหรี่ยงคริสต์ ซึ่งมีการสู้รบกันที่ฝั่งพม่า
จนทำให้มีกระสุนปืน ค.120 มาตกในเขตไทยหลายนัด จนบ้านเรือน-เครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรได้รับความเสียหาย โรงเรียนบ้านมอเกอร์ไทย ต้องปิดเรียนกะทันหัน เนื่องจากระเบิดมาลงข้างโรงเรียน ชาวบ้านมอเกอร์ไทยทั้งหมดต้องหนีออกจากบ้านมาอาศัยบริเวณฐานทหาร ประมาณ 400-500 คน
โดย นายอำเภอพบพระ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำอาหารเครื่องดื่ม และหน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลพบพระ ไปดูแลผู้หนีภัยสงคราม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยอมกลับไปยังหมู่บ้าน เนื่องจากยังมีสถานการณ์การสู้รบระหว่างฝ่ายกะเหรี่ยง กับฝ่ายพม่า ยังตึงเครียด และไม่ปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุการณ์สู้รบชายแดน ที่ทำให้มีกระสุนล้ำมาตกในเขตไทยกว่า 10 นัด ถูกบ้านเรือน และรถได้รับความเสียหาย ชาวบ้านจึงไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง-พม่า อีกประมาณ 200-300 คน เข้ามาอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชน เข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ฝ่ายกะเหรี่ยง กับ ฝ่ายพม่ายังคงใช้อาวุธหนักยิงใส่กันเป็นระยะๆ คาดว่า ฝ่ายพม่าจะเข้ายึดพื้นที่ของฝ่ายกะเหรี่ยงทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด