ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.โคราช รวบแก๊งลัก จยย.รายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางรถ จยย.12 คัน และชิ้นส่วนที่ถูกชำแหละอีกเพียบ เตือนเจ้าของรถ จยย.อย่าประมาทเสียบกุญแจคาไว้ ไม่ว่าจะจอดในหรือนอกบ้าน เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยสูง
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา และตำรวจชุดสืบสวนจับกุม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายพิเชษฐ์ ลัดกลาง อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 3 ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา และ นายวัลลภ คูณกลาง อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ที่ 15 ต.ใหม่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา และ นายนรินทร์ คูณกลาง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/3 ม. 3 ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถจักยานยนต์ในเขตรับผิดชอบของ สภ.เมืองนครราชสีมา
พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน 12 คัน และ อะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ถูกชำแหละแล้วอีกหลายรายการ โดยมีประชาชนเจ้าของรถจักรยานยนต์มาดูรถของกลางจำนวนมาก ซึ่ง นายนรินทร์ คูณกลาง ได้ขอประกันตัวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2554 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในชุมชนทุ่งทะเลร่วมใจ ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า นายนรินทร์ คูณกลาง หนึ่งในผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่น่าสงสัยเป็นผู้ลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีเขียวขาว หมายเลขทะเบียน งคฉ 304 นครราชสีมา
โดยมีชาวบ้านในละแวกนั้น เห็น นายนรินทร์ ขับรถจักรยานยนต์มาตระเวนดูลาดเลาเพื่อหาจังหวะลงมือก่อเหตุลักทรัพย์
จากนั้นไม่นานเห็น นายนรินทร์ จอดรถทิ้งไว้ในป่าข้างหมู่บ้าน และเดินลงมาลักรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่จอดเสียบกุญแจคารถไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพักขับหลบหนีออกไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับชาวบ้านได้ซุ่มดูพฤติกรรมของนายนรินทร์เพื่อรอจังหวะที่ที่นายนรินทร์ กลับมาเอารถจักรยานยนต์ของตัวเอง ปรากฏว่า ประมาณ 30 นาทีผ่านไป นายนรินทร์ ได้กลับมาเอารถที่จอดทิ้งไว้ในป่า กลุ่มชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงร่วมกันดักจับกุมตัวไว้ได้
นายนรินทร์ คูณกลาง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์จริง และทำมาแล้วหลายครั้งโดยตระเวนลักรถประชาชนตามบ้านเรือนมาแล้ว 12 คัน โดยเป้าหมายจะเป็นรถจักยานยนต์ที่มักจอดไว้หน้าบ้านพักแล้วเสียบกุญแจคาไว้ จากนั้นได้นำไปขายให้กับ นายพิเชษฐ์ และ นายวัลลภ คันละ 3,000-4,000 บาท เพื่อนำเงินไปเที่ยวเตร่ ส่วนรถที่ยังไม่ได้ขายจะนำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรอขายโดยบางคันได้ถอดอะไหล่ ชิ้นส่วน เปลี่ยนสลับกับคันอื่นเพื่อไม่ให้เจ้าของจำได้ และบางคันถอดชิ้นส่วนขายเป็นอะไหล่ก็มี
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนฝากขังที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร เพื่อดำเนินคดีต่อไป และได้ฝากเตือนประชาชนที่มีรถจักรยานยนต์ ว่า จะจอดรถไว้ภายในบ้านหรือนอกบ้านไม่ควรเสียบกุญแจคาไว้ เพราะไม่ปลอดภัยเอื้อให้กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ฉวยโอกาสลงมือได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะผู้ที่มีบ้านพักอยู่ใกล้ถนนง่ายต่อการหลบหนี และประชาชนที่ถูกแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ลักรถจักรยานยนต์ไป สามารถตรวจสอบของกลางได้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ในเวลาราชการ