ศูนย์ข่าวศรีราชา - ททท.ร่วมกับ สสปน.ดันพัทยาเป็นศูนย์กลางด้าน Mice การจัดประชุมนิทรรศการนานาชาติ วางแผนเปิดตลาดญี่ปุ่นต้นปี 54 นี้
วันนี้ (27 ม.ค.) นายนิติ คงกรุต ผอ.ททท.พัทยา กล่าวในที่ประชุมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ว่า ปัจจุบันได้รับการประสานงานจาก สสปน.หรือสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ ว่า จะดำเนินการเปิดตลาดการท่องเที่ยวใหม่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ โดยมีแผนที่จะนำพื้นที่เมืองพัทยาไปเปิดตลาดด้าน Mice หรือการจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติไปขายเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าศักยภาพของเมืองพัทยา มีความพร้อมเป็นอย่างมาก ในการเป็นศูนย์กลาง Mice ในประเทศไทย เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในเรื่องของพื้นที่ที่ใกล้ กทม.สนามบิน การเดินทางทุกรูปแบบ เรื่องของราคาที่ถูกและมีคุณภาพ รวมถึงมีห้องพักและศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ทุกระดับที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้จำนวนนับหมื่นคน ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ท่องเที่ยวคู่แข่งอย่าง เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ที่ถือว่ายังมีปัจจัยและองค์ประกอบไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก
นายนิติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับตลาดญี่ปุ่นเองที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้ร่วมกับ ททท.และ อบจ.ชลบุรี ทำการลงพื้นที่เปิดตลาดมาแล้วถึง 2 ปี โดยใช้งบประมาณพอสมควร แต่พบว่าไม่มีผลตอบรับ หรือคุ้มทุนมากนัก เนื่องจากคาดว่ายังคงมีปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ หรือการทำตลาดครั้งนั้นใช้งบประมาณไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า ตลาดท่องเที่ยวของญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแนวใหม่ๆ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน หรือ New Generation จึงคาดว่าการทำงานร่วมของ ททท.และ สสปน.ครั้งนี้คงจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และคาดหวังว่า ในอนาคตเมืองพัทยาคงจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
วันนี้ (27 ม.ค.) นายนิติ คงกรุต ผอ.ททท.พัทยา กล่าวในที่ประชุมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ว่า ปัจจุบันได้รับการประสานงานจาก สสปน.หรือสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ ว่า จะดำเนินการเปิดตลาดการท่องเที่ยวใหม่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ โดยมีแผนที่จะนำพื้นที่เมืองพัทยาไปเปิดตลาดด้าน Mice หรือการจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติไปขายเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าศักยภาพของเมืองพัทยา มีความพร้อมเป็นอย่างมาก ในการเป็นศูนย์กลาง Mice ในประเทศไทย เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในเรื่องของพื้นที่ที่ใกล้ กทม.สนามบิน การเดินทางทุกรูปแบบ เรื่องของราคาที่ถูกและมีคุณภาพ รวมถึงมีห้องพักและศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ทุกระดับที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้จำนวนนับหมื่นคน ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ท่องเที่ยวคู่แข่งอย่าง เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ที่ถือว่ายังมีปัจจัยและองค์ประกอบไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก
นายนิติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับตลาดญี่ปุ่นเองที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้ร่วมกับ ททท.และ อบจ.ชลบุรี ทำการลงพื้นที่เปิดตลาดมาแล้วถึง 2 ปี โดยใช้งบประมาณพอสมควร แต่พบว่าไม่มีผลตอบรับ หรือคุ้มทุนมากนัก เนื่องจากคาดว่ายังคงมีปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ หรือการทำตลาดครั้งนั้นใช้งบประมาณไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า ตลาดท่องเที่ยวของญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแนวใหม่ๆ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน หรือ New Generation จึงคาดว่าการทำงานร่วมของ ททท.และ สสปน.ครั้งนี้คงจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และคาดหวังว่า ในอนาคตเมืองพัทยาคงจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
