กาฬสินธุ์- พบครอบครัว 3 พี่น้องป่วยพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้องสาวสุดท้องเป็นหม้าย สุดทรหดแม้พิการขาเป๋แบกรับภาระเลี้ยงดูพี่และลูกชายวัยเพียง 11 ขวบ อย่างไม่ย่อท้อ ตระเวนรับจ้างสารพัดหาเงินประทังชีวิต สุดรันทดต้องอาศัยกองไฟให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวแทนผ้าห่มกันหนาว เผย มีเพียงเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาท เยียวยาครอบครัว ซ้ำร้ายบ้านกำลังถูกยึดหลังนำไปจำนองกับนายทุนนอกระบบ เพื่อรักษาตัวและพี่ ดอกเบี้ยบานร่วมแสนบาท
ครอบครัวพิการที่แสนรันทดที่พบครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก นางละมุล ภักดีนอก ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม เขตเทศบาลตำบลบัวบาน หมู่ 4 อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นลูกบ้าน
สภาพบ้านที่พบเห็นเป็นบ้านชั้นเดียวก่อด้วยอิฐแบบหยาบๆ ทรุดโทรม ไม่สามารถกันลมหรือฝนได้ บ้านหลังนี้มีผู้อาศัยอยู่ 4 คน เป็นผู้พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 2 คน พิการพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ 1 คน และเด็กชายวัย 11 ขวบอีก 1 คน
นางละมุล ภักดีนอก ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม หมู่ที่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ครอบครัวนี้มีความเดือดร้อนมาก เพราะคนทั้งบ้านอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน เป็นสามพี่น้องและหลานชายวัยเพียง 11 ขวบ โดยทั้ง 3 พี่น้องประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ร่างกายพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาศัยเพียงเงินเบี้ยยังชีพคนพิการ 2 คน เดือนละ 1,000 บาท ประทังชีวิต
ขณะที่น้องสาวสุดท้องซึ่งมีลูกติด 1 คน ร่างกายพิการแต่ไม่ผ่านเกณฑ์การช่วยเหลือ แบกรับภาระการเลี้ยงดูตระเวนออกรับจ้างสารพัด ด้วยฐานะยากจน ไม่มีรายได้โดยเฉพาะในช่วงที่ประสบกับอากาศหนาวที่รุนแรง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากฐานะยากจน ไม่มีรายได้ บ้านกำลังถูกยึดหลังไปจำนองกับนายทุนเพื่อหาเงินมารักษาอาการป่วย และกำลังถูกนายทุนยึดและขับไล่
สำหรับครอบครัวนี้มีเจ้าของบ้าน คือ นางสาวบัวลี ภูบุญทึง อายุ 54 ปี พิการขาลีบไม่มีแรงลุกเดินแต่พูดคุยได้ นอกจากนี้ ยังมีน้องชาย คือ นายบุญร่วม ภูบุญทึง อายุ 52 ปี พิการเป็นอัมพฤกษ์ มีความบกพร่องทางประสาทช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และน้องสาวคนสุดท้อง คือ นางสาวสุภักดี ภูบุญทึง อายุ 43 ปี ประสบอุบัติเหตุจนขาพิการแต่ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาการช่วยเหลือพอช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งมีลูกชายวัย 11 ขวบ คือเด็กชายอภิชัย ภูบุญทึง อายุ 11 ขวบ
สองแม่ลูกต้องรับภาระเลี้ยงดูคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างยากลำบาก และเป็นที่อเนจอนาถใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
นางสาวบัวลี ภูบุญทึง ถ่ายทอดเรื่องราวคนในครอบครัวให้ฟังว่า สาเหตุที่ตนกับนายบุญร่วมเป็นอัมพฤกษ์ เกิดจากการลื่นล้ม โดยตนเป็นมาประมาณ 8 ปี ขณะที่ นายบุญร่วม เป็นมาได้ประมาณ 15 ปี ต่อมาก็มารู้ว่า น้องสาวประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ขาหักพิการร่างกายก็เหมือนกับคนพิการขาเป๋เดินเหินลำบาก ทำให้ครอบครัวเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะเจ็บปวด ทรมาน
ภาระหน้าที่ทุกอย่าง อาหารการกินทั้งหมด เป็นหน้าที่ของ นางสาวสุภักดี ที่ทั้งดูแลพี่พิการ และหารายได้เลี้ยงครอบครัว และต้องเลี้ยงลูกชายอีก รู้สึกสงสารน้องสาวมาก อยากทำงานช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากตัวเองแทบไม่มีแรงจะลุกเดิน และช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ เคลื่อนไหวหน่อยก็เหนื่อยหอบ แทบขาดใจ
ที่หลับที่นอนก็ต้องนอนข้างนอก จะเข้านอนในบ้านก็ไม่สะดวกเพราะขับถ่ายบ่อย ในบ้านก็คับแคบ จะทุกข์ทรมานมากในคืนที่อากาศหนาวจัด ทั้งตัวแทบเป็นตะคริว เจ็บปวดถึงกระดูก ต้องเรียกน้องสาวมาก่อไฟเพิ่มความอบอุ่น เพราะลำพังผ้าห่มบางๆ ไม่เพียงพอที่จะต้านทานความหนาว ผ้าห่มเสื้อกันหนาวยังต้องแบ่งต้องเจียดกันใช้
ด้าน นางสาวสุภักดี เล่าว่า การดำเนินชีวิตในแต่ละวันลำบากมาก เนื่องจากต้องดูแลพี่พิการ 2 คน และต้องออกจากบ้านหาทำงานรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่แน่นอน บางวันไม่ได้สักบาท เพราะร่างกายตนไม่แข็งแรง จึงไม่มีใครว่าจ้าง ส่วนรายได้หลักได้จากเบี้ยยังชีพของพี่ชายกับพี่สาวคนละ 500 บาท รวม 1 พันบาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนตนแม้ขาจะหัก เดินกะเผลก เพราะขายังใช้เหล็กดาม สภาพจึงไม่ต่างกับคนพิการ แต่ไม่ได้รับเงินสวัสดิการใดๆ
ตนเคยไปแสดงความจำนงขอรับเบี้ยผู้พิการจากเทศบาลตำบลบัวบาน โดยให้หมอ รพ.ยางตลาด เป็นผู้วินิจฉัย แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ จึงต้องยอมรับชะตากรรม หารับจ้าง หากินทั่วไป เช่น เกี่ยวหญ้า จับเขียด ขุดปู หาของป่าขาย พอได้เงินมาซื้อขนม ซื้อชุดนักเรียนให้ลูก ได้อาหารกินพอประทังชีวิต ยังดีที่ยังมีแปลงนาเล็กๆอยู่แปลงหนึ่ง จึงพอจะได้ทำพอกินคุ้มปีสำหรับ 4 ชีวิต และพอได้แบ่งขายเอาเงินมาเป็นค่าไฟ หรือพอได้ซื้อหยูกยากินยามเจ็บไข้บ้าง ในชีวิตนี้ขอเพียงร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยก็ถือว่าโชคดี จะได้มีแรงปรนนิบัติพี่สาวพี่ชายและลูกชายกำพร้า
ห่วงก็แต่อนาคตที่ไม่รู้จะเป็นอย่างไร เนื่องจากที่อยู่ปัจจุบันเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษๆนี้ ได้เอาโฉนดไปจำนองกับนายทุนหลายปีแล้วจำนวน 7 หมื่นบาท เพื่อนำเงินมารักษาอาการเจ็บป่วยของพี่สาวกับพี่ชาย แต่ขณะนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ติดค้างเพิ่มเป็น 1 แสน 5 หมื่นบาท ไม่มีเงินไปไถ่ถอนจึงถูกนายทุนยึดและไล่ที่ ก็ได้แต่ขอผ่อนผันเรื่อยมา เพราะไม่รู้ว่าจะพาพี่พิการและลูกชายไปอยู่ไหน
สำหรับวิถีชีวิตของคนในครอบครัวนี้ นอกเหนือจากการช่วยเหลือและพึ่งพาตนเองเพื่อความอยู่รอดไปวันๆ ซึ่งเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกเดียวกันก็ได้ดูแลให้การช่วยเหลือตามอัตภาพ และผู้ที่มีจิตศรัทธาจะช่วยเหลือสามารถโทรมาได้ที่หมายเลข 087-9559621 (ผู้ใหญ่บ้านละมุล)