ดูเหมือนว่า จนถึงขณะนี้ เหตุระเบิด “ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย” 2 ครั้งซ้อน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2553 และ 15 ม.ค.2554 ยังไม่มีหน่วยงานไหน สามารถให้คำตอบกับสังคมได้ว่า เกิดขึ้นจากเหตุใด
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง !!?
และ--เหตุระเบิดทั้ง 2 ครั้ง ก็ยังไม่มีการแจ้งความใด ๆ อีกด้วย !!?**
ทั้งที่ว่าการอำเภอแม่สาย เป็นสถานที่ราชการ จุดเกิดเหตุเป็นบ้านพักรับรองของนายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอฯ ข้าราชการระดับสูงของพื้นที่หัวเมืองชายแดน ที่นั่งเก้าอี้นี้มาอย่างยาวนาน
ทั้งที่เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ได้สร้างความเสียหายให้แก่สถานที่ราชการ ที่สร้างด้วยเงินภาษีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
เหตุครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นเช้ามืด 7 ธ.ค.2553 ได้มีมือมืดใช้ระเบิดปิงปอง ขว้างใส่บ้านพักนายวิศิษฐ์ จนทำให้บ้านพักได้รับความเสียหาย ทั้งคอนกรีตด้านหน้า หลังคากระเบื้องแตก และกระจกรถยนต์ อส. มีร่องรอยเสียหาย
เหตุครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเช้ามืดวันที่ 15 ม.ค.2554 เป็นการใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่มีนอตและเหล็กตัด บรรจุอยู่ภายใน ซึ่งมีความร้ายแรงถึงชีวิตและทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม จนทำให้กระจกและผนังของอาคาร ที่ว่าการฯ รวมถึงอาคารใกล้เคียงได้รับความเสียหาย
แต่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมา กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการตรวจสอบ หรือดำเนินคดีใด ๆ !!?
9 ธ.ค. 2553 สื่อหลายสำนักเคยสอบถามถึงกรณีดังกล่าวต่อนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้รับการชี้แจงว่า การใช้บ้านพักราชการให้กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำศูนย์บริการนักท่องเที่ยวข้ามด่านพรมแดนในลักษณะสร้างผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่การพักหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับทางราชการ ถือว่า...มีความผิดทางวินัย และได้สั่งตั้งกรรมการสอบแล้ว
21 ธ.ค.2553 สื่อหลายสำนัก ได้สอบถามความคืบหน้าต่อผู้ว่าฯ คนเดิม ในกรณีเดียวกันอีกครั้ง ได้รับคำชี้แจงเพียงว่า เป็นเรื่องภายในของเขา ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องอะไรนั้น ก็รู้ๆกันอยู่ ... เท่านั้น !?
ขณะที่นายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นอภ.แม่สาย จ.เชียงราย บอกแต่เพียงว่า เหตุระเบิดครั้งแรก คาดว่าเป็นฝีมือวัยรุ่น ที่คึกคะนอง จึงไม่มีการแจ้งความใด ๆ ส่วนครั้งที่ 2 น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มค้ายาเสพติด ที่โกรธแค้นเขา ที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก
แต่ในรายงานของหน่วยงานด้านการข่าวในพื้นที่เชียงราย “ทุกหน่วย” กลับฟันธงเหมือนกันหมดว่า ปมเหตุการณ์ขว้างระเบิดใส่ที่ว่าการอำเภอแม่สาย ทั้ง 2 ครั้ง ล้วนมาจากปมขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กาสิโนใหญ่ของกลุ่มทุนไทยในฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สาย ที่ขยายเครือข่ายการลงทุนมาจากสามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มาเปิดสาขาเพิ่มในโรงแรมหรูของตัวเมืองท่าขี้เหล็ก
และช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดครั้งแรก (7 ธ.ค.2553) กลุ่มเจ้าของบ่อนกาสิโนใหม่ในท่าขี้เหล็ก ที่ว่ากันว่า มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ “คุณนาย” คนโตแห่งอำเภอแม่สาย ที่เคยใช้เครือข่ายสัมพันธ์ในกระทรวงมหาดไทย ช่วยให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตเปิดสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำ มากถึง 10 สาขามาแล้ว ได้เข้ามาใช้พื้นที่ “ใต้ถุน” บ้านพักรับรองนายอำเภอแม่สาย เป็นสำนักงานอำนวยความสะดวก - จุดประสานงานให้เซียนพนันข้ามฝั่งเข้าไปใช้บริการกาสิโนของตนเองในฝั่งท่าขี้เหล็กได้อย่างราบรื่น
โดยมีการนำสติกเกอร์ป้ายชื่อของกาสิโนดังกล่าวคือ “โกลด์เด้นท์พาราไดซ์รีสอร์ท สาขาท่าขี้เหล็ก” มาแปะไว้ที่ประตูกระจก ที่ใช้กั้นพื้นที่ใต้ถุนบ้านพักรับรอง นอภ. กันอย่างโจ่งแจ้ง ก่อนที่จะลอกทิ้งหลังเกิดเหตุระเบิดครั้งแรกได้ไม่กี่ชั่วโมง
เป็น “โกลด์เด้นท์พาราไดซ์รีสอร์ท” ที่ขยายเครือข่ายมาเปิดบริการเอนเตอร์เทนเมนต์รูม ที่หมายรวมถึงการพนันหลากหลายชนิดด้วย ที่โรงแรมโกลด์เด้นท์ ฝั่งท่าขี้เหล็ก ของ “เจ๊นาง-อัญชลี” (แจ้งเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง) ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศให้เช่าในราคาเดือนละ 1 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้น ... แม้ว่าจะมีการขว้างระเบิดปิงปอง ครั้งแรก ที่เหมือนเป็นการตักเตือนคนบนที่ว่าการอำเภอแม่สาย ตลอดจนคนใกล้ชิด ให้เลิกช่วยเหลือบ่อนกาสิโนของกลุ่มทุนไทยในฝั่งท่าขี้เหล็ก รายใด รายหนึ่งเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ทุกรายแข่งขันกันเองแล้วก็ตาม
แต่ปรากฏว่า ห้วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา ยังคงมีพนักงานของกาสิโนใหม่ของกลุ่มทุนไทย ที่เข้ามาเปิดสาขาเพิ่มฝั่งท่าขี้เหล็ก อย่างน้อย 1-2 คน ห้อยป้ายชื่อ-สังกัดชัดเจน มานั่งอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของตนเองบริเวณใต้ถุนบ้านพักรับรอง นอภ.เช่นเดิม
จนทำให้เป็นที่มาของเหตุระเบิดที่ว่าการอำเภอแม่สาย ครั้งที่ 2 เช้ามืด 15 ม.ค.2554 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
พร้อม ๆ กับกระแสข่าวที่แพร่สะพัดในขณะนี้ว่า อาจจะเกิดเหตุทำนองเดียวกันซ้ำขึ้นอีก หากคนบนที่ว่าการอำเภอแม่สาย ยังไม่ยุติการเอื้อให้นายทุนกาสิโนรายใด รายหนึ่งเป็นการเฉพาะ !!
เพราะก่อนจะมีระเบิดปริศนาครั้งแรก ว่ากันว่า เสี่ยใหญ่บ่อนกาสิโนใหญ่ฝั่งพม่า เคยออกแรงเจรจากับ “คุณนาย” ว่า ขอให้ย้ายสำนักงานบริการของโกลด์เด้นท์พาราไดซ์ ออกจากใต้ถุนบ้านพักนายอำเภอ เพื่อไม่ให้มีการใช้สถานที่ราชการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนรายใด รายหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่ไม่เป็นผล
นำมาซึ่งปฏิบัติการขว้างระเบิดใส่สถานที่ราชการอย่างอุกอาจครั้งแรก ... และครั้งที่ 2
เป็นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวลือเรื่องผลประโยชน์ธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่หลายแห่งที่เปิดบริการในฝั่งท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ทั้งโกลด์เด้นท์พาราไดซ์รีสอร์ท สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้ามสบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ของ “เฮียกวง” ซึ่งมีนักการเมืองใหญ่ 1 ในคนโตพรรคภูมิใจไทย ร่วมเอี่ยวด้วย ที่ขยายเครือข่ายมาที่ท่าขี้เหล็กด้วย ,กาสิโนอาลัว หรืออัลลัว ที่เปิดบริการเต็มพื้นที่อาคารริมแม่น้ำสาย ตรงข้ามท่าข้ามสายลมจอย ด้านเหนือสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ,เรจินาซานโยม่าคลับ ของอดีต ส.ส.คนดังภาคอีสานของไทย และบ่อนกาสิโนของกลุ่มทุนจากเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 2 แห่งสหภาพพม่า (กลุ่มว้าแดง) ที่เปิดให้บริการภายในอาคารโรงแรม 9 ชั้น ริมถนนท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง ห่างจากด่านฯแม่สาย ประมาณ 5-6 กม. รวมถึงบ่อนกาสิโนแห่งใหม่ ที่กำลังจะมีการเปิดขึ้นบริเวณตรงข้ามสถานีขนส่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า
รวมไปถึงคำเล่าลือที่ว่า บางคนจะหาให้ได้ 20 ล้านก่อนสิ้นก.ย. 2554 เพื่อปูทางเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นของแม่สาย ... แผ่นดินเหนือสุดแห่งสยาม