ตาก- หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารรายที่ 4 เปิดสภากาแฟพบสื่อมวลชน แจงพม่ารบกะเหรี่ยงทุกพื้นที่ ขณะที่ผู้อพยพข้ามไปมาจนกลายเป็นเรื่องปกติ วอนสื่อเสนอข่าวสร้างสรรค์ เตือนอย่างตกเป็นเครื่องมือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่า หวั่นกระทบสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมห้ามข้ามฝั่งเด็ดขาด หลังมีนักข่าว ตปท.ลอบเข้าพม่าจนต้องจับส่งตำรวจมาแล้ว
วันนี้ (25 ม.ค.) พ.อ.สุภโชค ธวัชพีระชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด (ฉก.ร.4)ได้จัดสภากาแฟ เพื่อพบปะกับสื่อมวลชนพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ตาก ที่ ฉก.ร.4 เพื่อมีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงดีเคบีเอ และฝ่ายกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ที่เกิดการสู้รบอย่างต่อเนื่อง และมีผลกระทบต่อเขตไทย พร้อมกับขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวในข้อเท็จจริง เชิงสร้างสรรค์ และขอความร่วมมือไม่ให้สื่อมวลชนตกเป็นเรื่องมือของกลุ่มต่อต้านฝ่ายรัฐบาลพม่า เพราะจะทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าได้ รวมทั้งขอร้องอย่าข้ามไปทำข่าวในฝั่งประเทศพม่า
พ.อ.สุภโชคกล่าวว่า สถานการณ์สู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยพม่ากับฝ่ายรัฐบาลพม่าในปัจจุบัน ยังคงมีการสู้รบในเกือบทุกพื้นที่ เช่น บริเวณรอยต่ออำเภอท่าสองยาง จ.ตาก กับอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และรอยต่อระหว่างอำเภอพบพระ กับอำเภอแม่สอด ที่บริเวณพื้นที่ตำบลช่องแคบ แต่ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเขตไทย ส่วนผู้ลักลอบเข้าเมืองที่หนีภัยจากการสู้รบมานั้น เป็นลักษณะไปๆ มาๆ มานานแล้วจนกลายเป็นเรื่องปกติ
ด้าน พ.อ.ประสาน แสงศิริลักษณ์ เสนาธิการ ฉก.ร.4 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนจากต่างประเทศลอบข้ามไปทำข่าวในพื้นที่การสู้รบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมได้และนำส่งให้ทางตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ามีองค์กรพัฒนาเอกชนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงด้วย
สำหรับผู้อพยพหนีภัยจาการสู้รบระหว่างหารรัฐบาลพม่า กับฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ กว่า 100 คน ขณะนี้ได้เข้ามาอาศัยในเขตไทยอย่างอิสระบริเวณบ้านเงาไฝ่ ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จ.ตาก เนื่องจากได้เห็นทหารรัฐบาลพม่า พร้อมด้วยลูกหาบอาวุธกระสุนปืนจำนวนมากเข้ามาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเมย จึงเกิดความกลัวและเกรงว่าจะถูกจับไปเป็นลูกหาบ จึงหนีมาอยู่ในเขตไทย ขณะที่อาสาสมัคร (อส.) อำเภอพบพระได้เข้าไปดูแลรักษาความสงบ แต่ไม่ได้จัดพื้นที่พักพิงรองรับ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การสู้รบยังไม่น่าจะรุนแรง
ด้านทหารพม่าได้เสริมกำลังและยังคงรบกับฝ่ายกะเหรี่ยงบริเวณตรงข้ามบ้านห้วยน้ำนัก และบ้านห้วยแห้ง ตำบลช่องแคบ อ.พบพระ โดยทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธปืน ค.120, ค.60 ยิงใส่กันเป็นระยะ แต่ไม่มีผลกระทบใดๆต่อเขตไทย
แต่เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับราษฎรไทย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงปิดเส้นทางถนนบ้านห้วยน้ำนัก, บ้านห้วยแห้ง ตำบลช่องแคบ อ.พบพระ ไปยังบ้านช่องแคบ ซึ่งเป็นถนนเลาะเลียบชายแดนไทย-พม่า ด้านอำเภอพบพระ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการสู้รบดังกล่าวต่อไป