ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกษตรกรปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มอีก 10 สต. เป็นฟองละ 2.80 บาท เหตุอากาศหนาวแม่ไก่ออกไข่น้อย ขณะต้นทุนอาหารสัตว์พุ่ง ด้านซีพีสวนกระแสไม่ยอมปรับราคาตามมติผู้เลี้ยง
รายงานข่าวจากวงการผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไก่ไข่ว่า ปัญหาด้านสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างแปรปรวน เมื่ออากาศหนาวเย็นอย่างฉับพลันจะทำให้ภูมิต้านทานในตัวไก่ต่ำ ส่งผลให้มีแม่ไก่ไข่บางส่วนเสียหาย บางส่วนก็ไม่ให้ผลผลิตไข่เลย ขณะที่บางส่วนก็ให้ผลผลิตไข่น้อย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประสบปัญหาแม่ไก่ไม่ออกไข่กันอย่างมาก ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่มีออกสู่ตลาดจึงมีน้อย ลดลงเฉลี่ยวันละ 20-30% ขณะที่ความต้องการบริโภคในช่วงนี้มีอยู่มาก
นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ก็สูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเสียหายของผลผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลก ที่ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สำคัญๆ มีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง ทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบภาวะขาดทุน
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่จึงได้มีการตกลงร่วมกันให้มีการปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละ 10 สตางค์ เป็นราคาฟองละ 2.80 บาท เนื่องจากปริมาณไข่ไก่ในปัจจุบันขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการในท้องตลาด ประกอบกับต้นทุนการเลี้ยงก็สูงขึ้นด้วย
ขณะที่บริษัทซีพี เป็นเพียงรายเดียวที่ไม่ยอมทำตามมติของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ส่วนใหญ่ของประเทศที่ปรับราคาขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ด้วยการยืนราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 2.70 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการตรึงราคา เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคนั้น รายงานข่าวระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่สวนกระแส และนับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยและผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศ สร้างความไม่พอใจให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก
รายงานข่าวจากวงการผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไก่ไข่ว่า ปัญหาด้านสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างแปรปรวน เมื่ออากาศหนาวเย็นอย่างฉับพลันจะทำให้ภูมิต้านทานในตัวไก่ต่ำ ส่งผลให้มีแม่ไก่ไข่บางส่วนเสียหาย บางส่วนก็ไม่ให้ผลผลิตไข่เลย ขณะที่บางส่วนก็ให้ผลผลิตไข่น้อย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประสบปัญหาแม่ไก่ไม่ออกไข่กันอย่างมาก ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่มีออกสู่ตลาดจึงมีน้อย ลดลงเฉลี่ยวันละ 20-30% ขณะที่ความต้องการบริโภคในช่วงนี้มีอยู่มาก
นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ก็สูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเสียหายของผลผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลก ที่ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สำคัญๆ มีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง ทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบภาวะขาดทุน
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่จึงได้มีการตกลงร่วมกันให้มีการปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละ 10 สตางค์ เป็นราคาฟองละ 2.80 บาท เนื่องจากปริมาณไข่ไก่ในปัจจุบันขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการในท้องตลาด ประกอบกับต้นทุนการเลี้ยงก็สูงขึ้นด้วย
ขณะที่บริษัทซีพี เป็นเพียงรายเดียวที่ไม่ยอมทำตามมติของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ส่วนใหญ่ของประเทศที่ปรับราคาขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ด้วยการยืนราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 2.70 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการตรึงราคา เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคนั้น รายงานข่าวระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่สวนกระแส และนับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยและผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศ สร้างความไม่พอใจให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก
