รวบสาวใหญ่หลอกขายทองปลอม เชื่อทำกันเป็นแก๊ง

มหาสารคาม- เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม จับสาวใหญ่หลอกขายทองปลอม เจ้าของร้านไหวตัวทันถ่วงเวลาแจ้งตำรวจตะครุบตัวทันควัน เชื่อทำกันเป็นแก๊ง

วันนี้ (14 ม.ค.) ที่กลุ่มงานสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม โดย พ.ต.ท.โอฬาร สีตะปัน สารวัตรปราบปราม สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากนายจารึก กมลทิพย์ เจ้าของร้านทองแม่บุญเลี้ยง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมคลองสมถวิล ว่า มีหญิงวัยกลางคนนำทองปลอมมาขายให้กับทางร้าน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก พร้อมกับทองรูปพรรณปลอมน้ำหนัก 1 บาท และเงินสดจำนวน 16,000 บาท

หญิงคนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง คือ นางศศิพัชญ์ ฐิติภัทร์เมธิน อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 553/7 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.วันเดียวกันนี้ นางศศิพัชญ์ ฐิติภัทร์เมธิน ได้เดินเข้ามาในร้าน เพื่อมาขายทองให้กับนายจารึก เจ้าของร้าน ซึ่งทางร้านได้ทำการตรวจสอบในเบื้องต้นและได้รับซื้อไว้ จากนั้นได้จ่ายเงินจำนวน 16,000 บาท ให้กับนางศศิพัชญ์

จากนั้นทางร้านได้ตรวจสอบทองโดยละเอียดอีกครั้ง พบว่า เป็นทองปลอม ทางร้านจึงได้ควบคุมตัวนางศศิพัชญ์ไว้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก

นายจารึก กลมทิพย์ เจ้าของร้านขายทองแม่บุญเลี้ยง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้แจ้งจับกลุ่มมิจฉาชีพที่มาขายทองปลอมแล้วถึง 3 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน จึงอยากฝากเตือนบรรดาร้านทองในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม และรอบนอกให้ตรวจสอบทองที่มีลูกค้านำมาขายให้กับทางร้านให้ดีก่อนที่จะจ่ายเงิน ซึ่งหากไม่แน่ใจหรือดูลักษณะท่าทางแล้วลูกค้าไม่น่าเชื่อถือก็อย่ารับซื้อ เพราะช่วงนี้ราคาทองขึ้นสูงมาก หากเกิดความเสียหายขึ้นทางร้านก็ต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียว

ด้าน พ.ต.ท.โอฬาร สีตะปัน สารวัตรปราบปราม สภ.เมืองมหาสารคาม กล่าวว่า คาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะมาเป็นแก๊ง ไม่ต่ำกว่า 3 คน โดยจะมีรถมาส่งและให้ปฏิบัติการนำทองไปขายยังร้านต่างๆ ซึ่งหากคนใดคนหนึ่งโดนจับก็จะโทรศัทพ์ติดต่อกันให้รีบแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งผู้เสียหายรายอื่นที่เคยถูกตุ๋นนำทองปลอมมาขายให้กำลังทยอยมาดูตัว ว่าใช้คนเดียวกันกับที่เคยเอาทองปลอมมาหลอกขายหรือไม่

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง กับ นางศศิพัชญ์ ซึ่งนางศศิพัชญ์ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำ โดยทางตำรวจจะได้หลักฐานและสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป