กาญจนบุรี - “เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิท” ตำบลลาดหญา เมืองกาญจนบุรี ครวญ 2 เดือนถูกโจรชั่วย่องลักทรัพย์ 7 ครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ล่าสุดกลุ่มโจรชั่วยังย่องขโมยโกศทองเหลืองที่ใช้สำหรับบรรจุกระดูกในป้าช้า อย่างไม่กลัวบาป
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก พระครูสุภัทรกาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทธรรมมาราม เจ้าคณะตำบลลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรีว่า ตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงปัจจุบัน วัดถูกกลุ่มหัวขโมยเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์สินไปแล้วถึง 7 ครั้ง โดยเริ่มแรกจะเป็นการขโมยตัดสายไฟภายในบริเวณวัดไปขาย จากนั้นก็เริ่มขโมยระฆังทองเหลืองที่ใช้ตีบอกเวลา ทำให้ทางวัดต้องใช้ท่อเหล็กมาแขวนตีแทนระฆัง ต่อมาขโมยกลุ่มดังกล่าวยังขโมยเอาพระพุทธรูปทองเหลืองที่ประดิษฐานอยู่หน้าศาลาการเปรียญไปโดยใช้วิธีตัดขาของพระพุทธรูปที่มีความสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อขโมยองค์พระ และเริ่มมีการงัดแงะกุฎิที่พักอาศัยของพระในวัดเพื่อขโมยทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ภายในวัด
ล่าสุด ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างมากก็คือ การที่หัวขโมยได้เข้าไปก่อเหตุทุบเจดีย์ของผู้เสียชีวิตที่ญาติสร้างไว้ในป่าช้าเพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิต เพื่อขโมยเอาโกศทองเหลืองที่บรรจุอยู่ภายในไปขายแลกเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าให้กับชาวบ้านที่รู้ข่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจดีย์เหล่านี้บรรจุอัฐิของญาติผู้ล่วงลับไว้ แต่ต้องมาถูกคนใจบาปขโมยไป ซึ่งตอนนี้ทางวัดก็ต้องหาทางป้องกันโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ภายในวัดเพื่อจับภาพหัวขโมยที่ก่อเหตุ รวมทั้งทำการติดตั้งเหล็กดัดตามหน้าต่าง ซึ่งต้องทำป้องกันขโมยถึงสองชั้น
เนื่องจากที่ผ่านมาทางวัดเคยไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่เคยมีความคืบหน้า อีกทั้งยังมาถูกก่อเหตุซ้ำอีกหลายครั้ง ทางวัดจึงต้องหันมาพึ่งตนเอง ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทได้ฝากไปถึงผู้ที่ก่อเหตุว่าอยากให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะถือเป็นการทำบาปกับพระพุทธศาสนาและยังเป็นการทำร้ายความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนอีกด้วย
โดยหลังจากที่ชาวบ้านซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสวัดเย็นสนิททราบข่าว ต่างก็เดินทางมาที่วัดเพื่อตรวจดูล่องรอยการงัดแงะของหัวขโมย ซึ่งต่างก็สาปแช่งขอให้ตกนรกหมกไหม้ไปตามๆ กัน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก พระครูสุภัทรกาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทธรรมมาราม เจ้าคณะตำบลลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรีว่า ตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงปัจจุบัน วัดถูกกลุ่มหัวขโมยเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์สินไปแล้วถึง 7 ครั้ง โดยเริ่มแรกจะเป็นการขโมยตัดสายไฟภายในบริเวณวัดไปขาย จากนั้นก็เริ่มขโมยระฆังทองเหลืองที่ใช้ตีบอกเวลา ทำให้ทางวัดต้องใช้ท่อเหล็กมาแขวนตีแทนระฆัง ต่อมาขโมยกลุ่มดังกล่าวยังขโมยเอาพระพุทธรูปทองเหลืองที่ประดิษฐานอยู่หน้าศาลาการเปรียญไปโดยใช้วิธีตัดขาของพระพุทธรูปที่มีความสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อขโมยองค์พระ และเริ่มมีการงัดแงะกุฎิที่พักอาศัยของพระในวัดเพื่อขโมยทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ภายในวัด
ล่าสุด ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างมากก็คือ การที่หัวขโมยได้เข้าไปก่อเหตุทุบเจดีย์ของผู้เสียชีวิตที่ญาติสร้างไว้ในป่าช้าเพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิต เพื่อขโมยเอาโกศทองเหลืองที่บรรจุอยู่ภายในไปขายแลกเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าให้กับชาวบ้านที่รู้ข่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจดีย์เหล่านี้บรรจุอัฐิของญาติผู้ล่วงลับไว้ แต่ต้องมาถูกคนใจบาปขโมยไป ซึ่งตอนนี้ทางวัดก็ต้องหาทางป้องกันโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ภายในวัดเพื่อจับภาพหัวขโมยที่ก่อเหตุ รวมทั้งทำการติดตั้งเหล็กดัดตามหน้าต่าง ซึ่งต้องทำป้องกันขโมยถึงสองชั้น
เนื่องจากที่ผ่านมาทางวัดเคยไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่เคยมีความคืบหน้า อีกทั้งยังมาถูกก่อเหตุซ้ำอีกหลายครั้ง ทางวัดจึงต้องหันมาพึ่งตนเอง ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทได้ฝากไปถึงผู้ที่ก่อเหตุว่าอยากให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะถือเป็นการทำบาปกับพระพุทธศาสนาและยังเป็นการทำร้ายความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนอีกด้วย
โดยหลังจากที่ชาวบ้านซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสวัดเย็นสนิททราบข่าว ต่างก็เดินทางมาที่วัดเพื่อตรวจดูล่องรอยการงัดแงะของหัวขโมย ซึ่งต่างก็สาปแช่งขอให้ตกนรกหมกไหม้ไปตามๆ กัน