ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวบ้าน ต.หมูสี อ.ปากช่อง โคราช กว่า 50 คน บุกชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด ขอความเป็นธรรมผู้ว่าฯ เหตุถูกนายทุนอ้างตัวเป็นบิ๊กทหารระดับ “นายพล” นำกองกำลังบุกไล่ชาวบ้านออกจากที่ทำกิน หวังฮุบที่ดินกว่า 400 ไร่ ด้านจังหวัดรับปากช่วยเหลือ ก่อนบุก ภาค 3 ร้องตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (10 ม.ค.) เวลา 14.00 น.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวบ้านคลองเสือ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 50 คน นำโดย นายกมล มณีเติม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 11 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ นางสุบิน ทรัพย์สันเที๊ยะ อาย 65 ปี ราษฎรหมู่ 1 บ้านคลองเสือ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เดินทางมารวมตัวชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมจาก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กรณีถูกนายทุนขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน ที่ทำกินมานานกว่า 30 ปี
นายกมล มณีเติม แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ราษฎรในหมู่บ้านคลองเสือ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 40 หลังคาเรือน ที่เข้าไปทำกินในที่ดินที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ในพื้นที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง กว่า 430 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับนิคมสร้างตนเอง มีเอกสารสิทธิ์เป็น ภทบ. 5 ซึ่งชาวบ้านได้จ่ายภาษีดอกหญ้ามาโดยตลอด
แต่ต่อมาเมื่อปี 2552 มีนายทุนเข้ามาขอกว้านซื้อที่ดินชาวบ้านโดยอ้างว่าเป็นนายทหารใหญ่ ระดับนายพล ซึ่งมี นายบุญล้อม ทับทิมทอง เป็นผู้ดูแลที่ดินกว่า 80 ไร่ของนายพลคนดังกล่าว โดยเป็นที่ดินที่อยู่ติดกับของชาวบ้าน แต่ชาวบ้านไม่ยอมขายให้เนื่องจากต้องการจะใช้ที่ดินที่ได้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ใช้เป็นที่ดินทำมาหากิน ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกอ้อย ขายเลี้ยงครอบครัว
จากนั้นมีคนเข้ามาเผากระท่อมของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในที่ดินดังกล่าว กระทั่งวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา นายบุญล้อม ได้นำกำลังตำรวจเข้าจับกุมชาวบ้านในข้อหาบุกรุกที่ดินและทำลายทรัพย์สิน โดยจับกุมชาวบ้านไป 10 คน
ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.นายบุญล้อม ได้ส่งชายฉกรรจ์อาวุธครบมือเขาไปขู่ขู่ชาวบ้าน และในวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ กลับข่มขู่ชาวบ้านว่าเมื่อเรื่องขึ้นศาลแล้วชาวบ้านจะยิ่งมีความผิด ฉะนั้น ชาวบ้านไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร จึงได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่ไม่มีทางต่อสู้ด้วย
จากนั้น ป้องกันจังหวัดนครราชสีมาได้เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมารับหนังสือร้องเรียนกับชาวบ้าน พร้อมรับปากจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้เดินทางไปชุมนุมต่อยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่รับแจ้งความร้องทุกข์ และข่มขู่ประชาชน ก่อนสลายตัวกลับภูมิลำเนาด้วยความสงบเรียบร้อย