พิจิตร - ชาวนาเมืองชาละวันจำนนหลักฐาน หลัง จนท.ตรวจเจอแจ้งเท็จหวังได้เงินชดเชยประกันรายได้ เผย 5 หมู่บ้านเขตอำเภอสามง่ามถอนตัวแล้วเกือบครึ่ง ขณะที่เกษตรจังหวัดฯ เร่งจัดเวทีประชาคมรับรองสิทธิ์กันใหม่ยกกระบิ ด้านผู้ว่าฯ ยังใจเย็นมองยังเป็นเรื่องเล็กน้อย
นายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามหาหลักฐานกรณีเกษตรกรและผู้นำชุมชนร่วมกันทุจริตในโครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรของจังหวัดพิจิตรที่มีรูปแบบการทุจริตที่สลับซับซ้อน ทั้งแจ้งเท็จ จากที่ปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด ก็แจ้งว่าปลูกข้าวเพื่อขอรับเงินชดเชย, มีที่นา 1 แปลง สามีก็แจ้ง ภรรยาก็แจ้งซ้ำซ้อนกัน, ทำนา 30 ไร่ ก็ปลอมแปลงสำเนาโฉนดว่าทำนา 50 ไร่ ฯลฯ ว่าหลังจากมีเรื่องร้องเรียนจึงส่งเจ้าหน้าที่เกษตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปทำการตรวจสอบและให้ทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อรับรองตามระเบียบขึ้นใหม่
ล่าสุดที่ ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ชาวบ้านหมู่ 1, 3, 4, 11, 13 ต่างจำนนด้วยหลักฐานและกลัวความผิด เกษตรกร 100 รายที่เคยลงทะเบียนขอรับเงินชดเชยตามโครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรไว้ ขอถอนตัวแล้ว 49 ราย หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนเกษตรกรที่จดแจ้งเอาไว้ โดยคิดเป็นพื้นที่ 375 ไร่
ในส่วนของนายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร หลังจากเกิดกรณีการทุจริตในโครงการประกันรายได้ และมีสื่อมวลชนนำเสนอเป็นข่าวทุกแขนง ยังคงกล่าวแต่เพียงว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เลี่ยงไม่พูดถึงการทุจริตในโครงการประกันรายได้พืชผลเกษตรกร
ผู้ว่าฯ พิจิตรยังพยายามบอกว่า กรณีดังกล่าวอาจจะเกิดจากความสับสนของชาวบ้าน เพราะช่วงการจดแจ้งโครงการประกันรายได้ เป็นช่วงที่เกิดน้ำท่วม ทางราชการมีคำสั่งซ้อนคำสั่ง ทำให้ชาวบ้านสับสนในการปฏิบัติและเงื่อนเวลาน่าจะขาดเจตนาในการทุจริตเสียมากกว่า อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นถึงแม้จะเป็นข่าวใหญ่โต แต่ค่าความเสียหายเป็นเรื่องเล็กน้อย ยังไม่จำเป็นที่จะต้องหยิบยกให้ขึ้นมาเป็นวาระของจังหวัดพิจิตรที่จะต้องแก้ไข
อนึ่ง พื้นที่จังหวัดพิจิตรเกิดการทุจริตเกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือของรัฐซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยก่อนหน้านี้มีโครงการรับจำนำข้าวก็เกิดกรณีเถ้าแก่โรงสีโกงรัฐบาล เมื่อมีโครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ชาวนาก็โกงรัฐบาล โดยร่วมมือกับผู้นำชุมชน-เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งขณะนี้ปรากฏเป็นความผิดชัดแจ้งคาหนังคาเขา
