ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แม่ทัพภาคที่ 3 ประชุมเตรียมพร้อมเปิดโครงการ “ป้องภัยไฟป่า ด้วยพระบารมี” ระดมความร่วมมือทุกหน่วยงาน 9 จังหวัดภาคเหนือป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควัน ย้ำจะไม่ให้เกิดไฟป่ารอบพระตำหนักภูพิงค์ ขณะที่การประสานประเทศเพื่อนบ้านลดการเผาได้มีการดำเนินการแล้ว แต่ยอมรับไม่ค่อยเป็นผลและคงต้องควบคุมทางฝั่งไทยเองให้ได้มากที่สุด
วันนี้(7ม.ค.54) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พลโทวรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการจัดงานเปิดโครงการ “ป้องภัยไฟป่า ด้วยพระบารมี” (9 จังหวัดภาคเหนือร่วมใจรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน) ซึ่งจะเปิดโครงการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2554 ณ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา แสดงออกถึงจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รณรงค์สร้างความตระหนักในประชาชนทุกหมู่เหล่า
โดยแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ทหารรับสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงห่วงใยปัญหามลพิษหมอกควันในภาคเหนือ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา มีหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ เพราะทหารมีทั้งกำลังพลและยุทธโธปกรณ์ที่พร้อมเสริมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ปัญหามลพิษหมอกควันนั้นมีภารกิจหลายด้านที่ต้องบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน ทั้งในเขตเมือง พื้นที่ชนบท พื้นที่เกษตรและพื้นที่ภูเขา ส่วนของเมืองต้องมีมาตรการควบคุมที่เป็นระบบเพิ่มความชื้นให้พื้นที่ ส่วนพื้นที่การเกษตรต้องไม่เผาเศษวัชพืช แล้วนำไปทำปุ๋ยหมักแทน ซึ่งปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือการเผาบนดอย ที่จะต้องมีกระบวนการควบคุมที่เป็นระบบ โดยปีนี้จะควบคุมไม่ให้เกิดไฟไหม้บริเวณดอยรอบพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์โดยเด็ดขาด
สำหรับปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาอย่างหนักในเขตของประเทศเพื่อนบ้านนั้น แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการประชุมคณะกรรมการประสานงานชายแดนไปแล้ว ซึ่งก็มีการตกลงรับปากว่าจะดำเนินการให้เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติกลับไม่มีการดำเนินการเพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่มีมาตรการควบคุมป้องกันปัญหาหมอกควันที่ชัดเจน โดยแนวทางที่สามารถทำได้ในเวลานี้คือการควบคุมการเผาทางฝั่งไทยให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านมาการเผา
วันนี้(7ม.ค.54) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พลโทวรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการจัดงานเปิดโครงการ “ป้องภัยไฟป่า ด้วยพระบารมี” (9 จังหวัดภาคเหนือร่วมใจรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน) ซึ่งจะเปิดโครงการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2554 ณ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา แสดงออกถึงจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รณรงค์สร้างความตระหนักในประชาชนทุกหมู่เหล่า
โดยแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ทหารรับสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงห่วงใยปัญหามลพิษหมอกควันในภาคเหนือ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา มีหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ เพราะทหารมีทั้งกำลังพลและยุทธโธปกรณ์ที่พร้อมเสริมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ปัญหามลพิษหมอกควันนั้นมีภารกิจหลายด้านที่ต้องบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน ทั้งในเขตเมือง พื้นที่ชนบท พื้นที่เกษตรและพื้นที่ภูเขา ส่วนของเมืองต้องมีมาตรการควบคุมที่เป็นระบบเพิ่มความชื้นให้พื้นที่ ส่วนพื้นที่การเกษตรต้องไม่เผาเศษวัชพืช แล้วนำไปทำปุ๋ยหมักแทน ซึ่งปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือการเผาบนดอย ที่จะต้องมีกระบวนการควบคุมที่เป็นระบบ โดยปีนี้จะควบคุมไม่ให้เกิดไฟไหม้บริเวณดอยรอบพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์โดยเด็ดขาด
สำหรับปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาอย่างหนักในเขตของประเทศเพื่อนบ้านนั้น แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการประชุมคณะกรรมการประสานงานชายแดนไปแล้ว ซึ่งก็มีการตกลงรับปากว่าจะดำเนินการให้เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติกลับไม่มีการดำเนินการเพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่มีมาตรการควบคุมป้องกันปัญหาหมอกควันที่ชัดเจน โดยแนวทางที่สามารถทำได้ในเวลานี้คือการควบคุมการเผาทางฝั่งไทยให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านมาการเผา