ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 โชว์ผลงานลดการขยายตัวของปัญหายาเสพติดสนองนโยบายรัฐบาล-สนง.ตำรวจแห่งชาติ ทำการปิดล้อมตรวจค้น 103 หมู่บ้าน/ชุมชน ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติดในช่วง 15 วัน สามารถจับกุมได้กว่า 300 คดี พร้อมยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก
วันนี้(7 ม.ค.54) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ทงชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 ในห้วงระหว่างวันที่ 24 ธ.ค.53-7ม.ค.54 ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้มีการปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3(พ.ย.53-ก.ย.54)
โดยผลการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติด 103 แห่ง สามารถจับกุมคดียาเสพติดทุกประเภทได้ 315 ราย ผู้ต้องหา 321 คน เป็นนักค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชน 122 คน เป็นผู้เสพยาเสพติดในชุมชน 159 คน และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดได้ 35 คน
ขณะที่ของกลางคดียาเสพติด สามารถยึดยาบ้าได้ 77,855 เม็ด เฮโรอีน 200 กรัม ฝิ่น 3,069.02 กรัม กัญชา 407 กรัม อาวุธปืน 32 กระบอก เงินสด 613,100 บาท รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง บ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง เฟอร์นิเจอร์และทรัพย์สินอื่นๆ 25 รายการ รวมทั้งสามารถตรวจสอบและทำลายไร่ฝิ่นได้ 14 ไร่ 1 งาน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงาตำรวจแห่งชาติในการลดการขยายตัวของปัญหายาเสพติด โดยนอกจากการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นการปราบปรามแล้ว ยังได้ให้มีการดำเนินการในเชิงป้องกันควบคู่กันไปด้วยโดยการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำให้คนในหมู่บ้านชุมชนมีความรู้ความเข้าใจถึงพิษภัยและผลกระทบจากยาเสพติดเพื่อจะได้ร่วมกันเป็นรั้วป้องกันอีกทางหนึ่ง
สำหรับการจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 นั้น พลตำรวจโทชัยยะ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นทางผ่านของการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่าน ดังนั้นเมื่อสามารถจับกุมได้จะมีการขยายผลไปยังต้นทางและปลายทางด้วยทุกครั้ง ซึ่งผลการดำเนินการขยายผลตลอดช่วงที่ผ่านมาถือว่าการทำงานได้ผลเป็นอย่างดีมาก
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดผ่านทางภาคเหนือเข้ามาเป็นการยากที่จะสามารถสกัดกั้นได้ 100% เนื่องจากมีแนวชายแดนเป็นระยะทางยาวกว่า 1,000 กิโลเมตรและมีช่องทางตามธรรมชาติมากมายที่กลุ่มขบวนการยาเสพติดจะใช้ลักลอบ แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสกัดกั้นให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ชัยยะ เผยว่า ปัจจุบันกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดมีความพยายามซ่อนเร้นอำพรางหลายรูปแบบ รวมทั้งมีการตั้งเป็นบริษัทบังหน้าด้วย โดยหวังให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้ อย่างไรก็ตามมองว่าการกระทำความผิดทุกอย่างย่อมมีการทิ้งร่องรอยไว้เสมอ ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการติดตามเส้นทางของเงินที่มีการเคลื่อนไหว โดยที่ผ่านมาสามารถทำการติดตามตรวจสอบและทำการยึดทรัพย์บริษัทที่มีการตั้งขึ้นมาอำพรางไปได้แล้วหลายแห่ง
