ระยอง – ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองประกาศพื้นที่ภัยแล้ง 5 อำเภอ หลังพบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักทั้ง 5 อ่างของจังหวัดระยอง เหลือเพียง 393.145 ล้านลูกบาศก์เมตร
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายเนตร อัจฉริยะพิทักษ์ ชลประทานจังหวัดระยองและนายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์น้ำของจังหวัดระยอง
นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักทั้ง 5 อ่างของจังหวัดระยอง ที่มีปริมาณความจุทั้งหมด 542.90 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณ 393.145 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 72.42 ของปริมาณความจุทั้งหมด
โดยแยกเป็น อ่างเก็บน้ำคลองระโอกปริมาณน้ำ 10,100,000 ลูกบาศก์เมตร (51.40%)
อ่างเก็บน้ำประแสร์ ปริมาณน้ำ 188,700,000 ลูกบาศก์เมตร (76.09%) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ปริมาณน้ำ 119,115,000 ลูกบาศก์เมตร (72.79%) อ่างเก็บน้ำดอกกราย ปริมาณน้ำ 46,820,000 ลูกบาศก์เมตร (65.57%) อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ปริมาณน้ำ 28,391,000 ลูกบาศก์เมตร (70.80%)
ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวต่อว่า สำหรับปริมาณการใช้น้ำมีตัวเลขอยู่ที่วันละ 2,002,000 ลูกบาศก์เมตร โดยแยกเป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภควันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำเพื่อการเกษตรและรักษาระบบนิเวศวันละ 1,222,000 ลูกบาศก์เมตร และน้ำเพื่ออุตสาหกรรมประมาณวันละ 710,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน สามารถใช้ได้อีก 196 วัน (6 เดือน) ซึ่งคาดว่าในช่วงนั้นจะเข้าฤดูฝนแล้ว
อย่างไรก็ตาม พื่อให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จจุบันจังหวัดระยองได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้วจำนวน 5 อำเภอ (อำเภอเมือง-วังจันทร์-บ้านค่าย-บ้านฉาง-แกลง) รวม 16 ตำบล 110 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 15,062 ครัวเรือน 39,832 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายจำนวน 2,240 ไร่ เป็นพืชไร่ 50 ไร่ และพืชสวน 2,190 ไร่ ซึ่งจังหวัดได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคไปแล้ว 1,694,000 ลิตร พร้อมสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้กับอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่ประสบภัยแล้วรวม 9 คัน
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้อยู่ในจุดที่ปลอดภัย ระดับฝนในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยผิดกับปีก่อนที่ผ่านมา น้ำในปีนี้จึงไม่น่ามีปัญหา