บุรีรัมย์- “ไตรรงค์” รองนายกฯ ควง “คุณหญิงกัลยา” รมว.วิทย์ ลงพื้นที่ตรวจภัยแล้ง จ.บุรีรัมย์ พร้อมเยี่ยมชมโครงการบริหารจัดการน้ำชุมชนที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อใช้ไปเป็นต้นแบบแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน กระจายสู่จังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน ขณะ ตำรวจ-ทหาร ระดมกำลังคุมเข้ม แต่ไร้เงาหัวกลุ่ม “แดงไพร่” โผล่ป่วน มีเพียง ปชช.และคนเสื้อน้ำเงินแห่ต้อนรับ
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี พร้อม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งล่าสุดได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากภัยแล้งแล้วทั้ง 23 อำเภอทั่วทั้งจังหวัด โดยมี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
จากนั้น คณะรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ บ.ลิ่มทอง ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง เพื่อตรวจเยี่ยม “โครงการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ” ของชุมชน ใน 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.ชุมแสง ต.หนองโบส์ถ และ ต.ทุ่งแสงทอง ที่ประสบผลสำเร็จ โดยการขุดลอกคลองส่งน้ำและทำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร การปศุสัตว์ ได้ตลอดทั้งปี และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มมากขึ้น
จากเดิมที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้ง 11 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบล มีรายได้ครัวเรือนละ 20,000-30,000 บาทต่อปี หลังจากมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นครัวเรือนละ 100,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจเยี่ยมและศึกษาโครงการดังกล่าว ของคณะรองนายกรัฐมนตรี เพื่อจะนำไปเป็นโครงการต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำ กระจายลงสู่จังหวัดอื่นในเขตพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.บุรีรัมย์ ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ พร้อม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในวันนี้ ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขับไล่ หรือสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด มีเพียงประชาชนและกลุ่มเสื้อน้ำเงินมารอต้อนรับเท่านั้น ขณะที่ตำรวจ ทหาร ได้จัดกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบเรียบร้อยที่อาจเกิดขึ้น
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ ของชุมชนดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร และเลี้ยงสัตว์ได้ตลอดทั้งปี โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสำรวจ หาวิธีกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน โดยทำเป็นแก้มลิง กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี พร้อม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งล่าสุดได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากภัยแล้งแล้วทั้ง 23 อำเภอทั่วทั้งจังหวัด โดยมี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
จากนั้น คณะรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ บ.ลิ่มทอง ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง เพื่อตรวจเยี่ยม “โครงการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ” ของชุมชน ใน 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.ชุมแสง ต.หนองโบส์ถ และ ต.ทุ่งแสงทอง ที่ประสบผลสำเร็จ โดยการขุดลอกคลองส่งน้ำและทำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร การปศุสัตว์ ได้ตลอดทั้งปี และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มมากขึ้น
จากเดิมที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้ง 11 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบล มีรายได้ครัวเรือนละ 20,000-30,000 บาทต่อปี หลังจากมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นครัวเรือนละ 100,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจเยี่ยมและศึกษาโครงการดังกล่าว ของคณะรองนายกรัฐมนตรี เพื่อจะนำไปเป็นโครงการต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำ กระจายลงสู่จังหวัดอื่นในเขตพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.บุรีรัมย์ ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ พร้อม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในวันนี้ ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขับไล่ หรือสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด มีเพียงประชาชนและกลุ่มเสื้อน้ำเงินมารอต้อนรับเท่านั้น ขณะที่ตำรวจ ทหาร ได้จัดกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบเรียบร้อยที่อาจเกิดขึ้น
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ ของชุมชนดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร และเลี้ยงสัตว์ได้ตลอดทั้งปี โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสำรวจ หาวิธีกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน โดยทำเป็นแก้มลิง กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง
