สตูล – ทหารพัฒนาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง แจกถังไฟเบอร์กลาสเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ ขณะที่ตัวเลขความเสียหายสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้อยู่ที่มูลค่า 15 ล้านบาทเศษ
วันนี้ (24 มี.ค.) พันเอก ปรีชา สาลีผล ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 45 จ.สตูล (นพค.45) สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย มอบถังไฟเบอร์กลาส ขนาด 3,000 ลิตรพร้อมขาตั้งและรางสังกะสี จำนวน 28 ใบ ให้แก่ผู้ประสบภัยแล้ง 21 แห่ง 7 ตำบล 5 อำเภอ ขึ้นที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 45 (นพค.45) เพื่อใช้เก็บกักน้ำดื่มน้ำใช้ในช่วยหน้าแล้ง
พร้อมกันนี้ ทางหน่วยได้มีการแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งแล้วจำนวน 4 แสนลิตร และหากมีผู้ประสบภัยแล้งที่ยังตกหล่นก็สามารถร้องขอรับความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณะภัย นพค.45 อ.ควนโดน จ.สตูล
ด้าน นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดประสบภาวะภัยแล้งมาตั้งแต่ต้นปี และความรุนแรงได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ จังหวัดได้ประกาศพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงขณะนี้ พื้นที่ประสบภัยแล้ง 100 % ประกอบด้วย 5 อำเภอ คืออำเภอเมืองสตูล 70 หมู่บ้าน, อำเภอละงู 61 หมู่บ้าน, อำเภอทุ่งหว้า 35 หมู่บ้าน, อำเภอควนกาหลง 32 หมู่บ้าน, อำเภอท่าแพ 31 หมู่บ้าน ส่วนอำเภอควนโดน ประสบภัยแล้ง 7 หมู่บ้าน จาก 31 หมู่บ้าน และอำเภอมะนัง ประสบภัยแล้ง 15 หมู่บ้านจาก 19 หมู่บ้าน มีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 11,000 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 15 ล้านบาทเศษ
ซึ่งทางราชการได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ราษฎรทุกพื้นที่ใช้น้ำ บริหารจัดการน้ำด้วยความระมัดระวัง และเป็นระบบงดการปลูกพืชใช้น้ำมาก เช่นการทำนาข้าวนอกฤดูกาล ส่วนความเดือดร้อนเรื่องน้ำบริโภค ให้ทุกภาคส่วนร่วมรับผิดชอบ และหาทางแก้ไขความเดือดร้อนของราษฎรพื้นที่ที่รับทราบเหตุ
นายสำเริง วงศ์มุนีวรณ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลให้ข้อมูลว่า ด้านการช่วยเหลือ การปรับปรุงแหล่งน้ำทางการเกษตร ได้ทำการซ่อมแซมฝายหรือทำนบไป 3 แห่ง จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไปช่วยเหลือบางส่วนแล้ว สำหรับการจัดหาน้ำเพื่อบริโภคได้แจกจ่ายน้ำไป 4,513 คันรถบรรทุกน้ำ ปริมาณน้ำมากกว่า 22 ล้านลิตร ใช้งบประมาณเพื่อการนี้ประมาณ 1.4 ล้านบาท และยังมีขีดความสามารถที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด แต่ขอให้ประชาชนเข้ามารับรู้ปัญหาและร่วมบริหารจัดการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างมีระบบ
