ชัยภูมิ - ภัยแล้งขยายวงกว้างต่อเนื่อง จ.ชัยภูมิประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 10 อำเภอ ขณะสถานการณ์แม่น้ำชีน่าเป็นห่วง บางช่วงแห้งขอด วอนเกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรังเด็ดขาด เพื่อให้มีน้ำเหลือเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภครอดพ้นวิกฤตแล้งไปได้
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่จังหวัดชัยภูมิ นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ปีนี้สถานการณ์น้ำเพื่อการเกษตรค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากเกษตรกรหันมาปลูกข้าวนาปรังมากกว่าปีที่ผ่านมามากถึง 80,000 กว่าไร่ โดยปี 2552 ที่ผ่านมาปลูกข้าวนาปรังประมาณ 80,000 ไร่ ปีนี้ เพิ่มเป็น 118,000 ไร่ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าน้ำที่มีอยู่จะไม่เพียงพอ ต้องขอร้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิงดการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อให้เหลือน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค ตลอดช่วงหน้าแล้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาวะความแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนขยายวงกว้าง ทางจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจากภาวะภัยแล้งเพิ่มเป็น 10 อำเภอแล้ว จากเดิมประกาศเพียง 4 อำเภอ เพื่อให้อำนาจนายอำเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในการใช้งบประมาณ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งได้ตามอำนาจ
ด้าน นายสุรพจน์ รัชชุศิริ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 อำเภอ ที่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจากภาวะภัยแล้ง เปิดเผยว่า อำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้ง 18 ตำบล ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งกันถ้วนหน้า มีตำบลที่ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค จนทางการต้องนำรถบรรทุกไปแจกจ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว 10 ตำบล โดย องค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) นำรถบรรทุกน้ำ ไปรับน้ำจากการประปาจังหวัดชัยภูมิ นำไปแจกจ่ายหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาหมู่บ้าน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของน้ำชี ซึ่งปีนี้เกษตรกรอำเภอเมืองชัยภูมิ 2 ฟากฝั่งทำนาปรังเป็นจำนวนมากถึง 43,000 ไร่ จากปีที่ผ่านมาแค่ 9,000 ไร่ ล่าสุดลำน้ำบางช่วงแห้งขอด มีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอต้องขอให้บึงละหาน ปล่อยน้ำลงมาช่วย 3 ครั้งแล้ว จนระดับน้ำในบึงละหานต่ำลง ไม่สามารถปล่อยน้ำลงมาได้อีก เนื่องจากหากต่ำมากเกินไปน้ำเค็มจะดันขึ้นมาจนเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศน์ได้ อย่างไรก็ตาม อำเภอเมืองชัยภูมิได้พยายามหาแหล่งน้ำผิวดินลงไปช่วย ล่าสุดจะไปขอเปิดน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองนาแซง ในเขตตำบลหนองนาแซง มาช่วยพื้นที่นาปรังอีกทางหนึ่งด้วย
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่จังหวัดชัยภูมิ นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ปีนี้สถานการณ์น้ำเพื่อการเกษตรค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากเกษตรกรหันมาปลูกข้าวนาปรังมากกว่าปีที่ผ่านมามากถึง 80,000 กว่าไร่ โดยปี 2552 ที่ผ่านมาปลูกข้าวนาปรังประมาณ 80,000 ไร่ ปีนี้ เพิ่มเป็น 118,000 ไร่ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าน้ำที่มีอยู่จะไม่เพียงพอ ต้องขอร้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิงดการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อให้เหลือน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค ตลอดช่วงหน้าแล้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาวะความแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนขยายวงกว้าง ทางจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจากภาวะภัยแล้งเพิ่มเป็น 10 อำเภอแล้ว จากเดิมประกาศเพียง 4 อำเภอ เพื่อให้อำนาจนายอำเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในการใช้งบประมาณ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งได้ตามอำนาจ
ด้าน นายสุรพจน์ รัชชุศิริ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 อำเภอ ที่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจากภาวะภัยแล้ง เปิดเผยว่า อำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้ง 18 ตำบล ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งกันถ้วนหน้า มีตำบลที่ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค จนทางการต้องนำรถบรรทุกไปแจกจ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว 10 ตำบล โดย องค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) นำรถบรรทุกน้ำ ไปรับน้ำจากการประปาจังหวัดชัยภูมิ นำไปแจกจ่ายหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาหมู่บ้าน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของน้ำชี ซึ่งปีนี้เกษตรกรอำเภอเมืองชัยภูมิ 2 ฟากฝั่งทำนาปรังเป็นจำนวนมากถึง 43,000 ไร่ จากปีที่ผ่านมาแค่ 9,000 ไร่ ล่าสุดลำน้ำบางช่วงแห้งขอด มีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอต้องขอให้บึงละหาน ปล่อยน้ำลงมาช่วย 3 ครั้งแล้ว จนระดับน้ำในบึงละหานต่ำลง ไม่สามารถปล่อยน้ำลงมาได้อีก เนื่องจากหากต่ำมากเกินไปน้ำเค็มจะดันขึ้นมาจนเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศน์ได้ อย่างไรก็ตาม อำเภอเมืองชัยภูมิได้พยายามหาแหล่งน้ำผิวดินลงไปช่วย ล่าสุดจะไปขอเปิดน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองนาแซง ในเขตตำบลหนองนาแซง มาช่วยพื้นที่นาปรังอีกทางหนึ่งด้วย