ศูนย์ข่าวศรีราชา - บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย ร่วมประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 25 พร้อมทั้งมีการริเริ่มจัดตั้งคณะทำงานทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซีย ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศไทย พร้อมด้วย พลเอก ตันศรี ดาโต๊ะ สรี อาซิซาน บิน ฮาจิ อาริฟฟิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย ร่วมประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-มาเลเซีย ครังที่ 25 โดยมีคณะกรรมการระดับสูง ไทย-มาเลเซีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุม
การประชุมคณะกรรมการระดับสูง (กรส.) ไทย-มาเลเซีย เป็นการประชุมภายใต้ความตกลงระห่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซีย ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน
สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความสำพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย ให้มีความใกล้ชิดกันในทุกระดับรวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาโครงการ และกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และรัฐตอนเหนือของมาเลเซีย ซึ่งในการประชุมได้มีพัฒนาการที่สำคัญ 2 ประเด็นหลัก
คือ การเริ่มจัดตั้งคณะทำงานฝึกร่วมและผสม เพื่อหารือและเสนอแผนงานการฝึกร่วมและผสมเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งมีเพียงการฝึกระหว่าง ทบ. ทร. ทอ.ของไทยกับ ทบ.ทร. ทอ. ของมาเลเซียเท่านั้นและมีการริเริ่มจัดตั้งคณะทำงานทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซีย ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ฉบับวันที่ 18 พ.ค.2543 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นการดำเนินงานตามความเห็นชอบของ รมว.กห.ไทยและมาเลเซีย ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (กชท.)ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 49 เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2552
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่า คณะกรรมการของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างต่อเนื่อง ในหลายรูปแบบ อาทิ การสนับสนุนความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนทั้งสองประเทศ รวมทั้งพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไทยและมาเลเซียมีกลไกความสัมพันธ์ระหว่างกันหลายระดับ
ทั้งในระดับพื้นที่ชายแดนและระดับนโยบาย อาทิคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ General Border Committee-GBC ซึ่งมี รมว.กห.ของทั้งสองประเทศเป็นประธาน และการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation-AC) ซึ่งมี นรม.ของทั้งสองประเทศเป็นประธาน และระหว่าง 8-9 ธันวาคม 2552 ได้มีการประชุม AC ครั้งที่ 4 หลังจากนั้นได้มีการเดินทางไปจังหวัดนราธิวาสเพื่อเปลี่ยนชื่อสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก เป็นสะพานมิตรภาพ ไทย-มาเลเซีย
นอกจากนี้ นรม.มาเลเซีย ยังได้ขอให้ไทยพิจารณาว่า มาเลเซียเป็นหุ้นส่วนทางความสัมพันธ์ (Partner) ด้านความมั่นคงด้วย ไม่ใช้แค่เศรษฐกิจเท่า เนื่องจากปัญหาจากการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อมาเลเซียเช่นกัน โดยทั้งสองประเทศยังให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์มากเช่นเดียวกับปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและการลักลอบค้าสินค้าตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ อีกด้วย
ซึ่งทหารตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ ได้เพิ่มขั้นตอนในการลาดตะเวนบริเวณชายแดนมากขึ้น เพื่อร่วมกันตรวจสอบการลักลอบเดินทางเข้าแดนอย่างผิดกฎหมายและการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ พร้อมกันนั้น มท.ของไทยได้สามารถออกใบเบิกทางผ่านแดน ไทย-มาเลเซีย บริเวณจุดผ่านแดนถาวร ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Border Pass มาใช้ในการตรวจสอบบุคลในบางพื้นที่แล้ว และกองทัพของทั้งประเทศยังได้ริเริ่มให้มีการสำรวจความเป็นไปได้ ในการจัดการฝึกร่วมผสมระหว่างกองทัพของทั้งประเทศ เพื่อเพิ่มความเข้าใจและความร่วมมือในการปฏิบัติการตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งระหว่างกองทัพและหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายตามตามแนวชายแดน โดยมีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการให้มีความรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้นต่อไป
