ปธ.สภาอุตฯท่องเที่ยวชี้ พ.ร.บ.มั่นคงฯไม่กระทบ - ต่างชาติแห่เช็กข่าว “ม็อบแดง”ป่วน ยังไม่ยกเลิกกรุ๊ปทัวร์

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “กงกฤช หิรัญกิจ” ปธ.สภาอุตฯท่องเที่ยวไทย ชี้ ธุรกิจท่องเที่ยวรับได้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ คุมม็อบแดงถ่อยป่วนชาติ 11-23 มี.ค.เชื่อไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวไทย หากชุมนุมโดยสงบอยู่ในกรอบ กม.และไม่รุนแรง เผย ผู้ประกอบการ-นักท่องเที่ยวต่างชาติ สอบถามเข้ามามาก แต่ยังไม่มีการยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ ชี้ หวั่นสำนักข่าวต่างชาติบิดเบือนเสนอข่าวไม่ตรงความจริง ล่าสุด ธุรกิจท่องเที่ยวจับมือรัฐชี้แจงข้อเท็จจริงวันต่อวัน

วันนี้ (10 มี.ค.) นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ของรัฐบาล ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 7 จังหวัดใกล้เคียง 11-23 มี.ค.นี้ เพื่อควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า กลุ่มนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวรับได้กับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงดังกล่าวและไม่ค่อยวิตกกังวลต่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้

เนื่องจากที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมีความเข้าใจในเรื่องการชุมนุมที่มีเกิดขึ้นหลายครั้ง และการชุมนุมทุกครั้งไม่ได้เกิดความรุนแรงขึ้น ถือว่าเป็นการแสดงออกของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทั้งนี้ต้องชุมนุมด้วยความสงบสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

นายกงกฤช กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการและกลุ่มนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศได้สอบถามเข้ามายังสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฯ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มี.ค.นี้ และรัฐบาลต่างประเทศก็ได้ออกประกาศแจ้งเตือนไปยังประชาชนของประเทศเขาตามปกติซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละประเทศ แต่การเตือนนั้นไม่ใช่การห้ามมาประเทศไทย เพียงแต่เตือนให้ระมัดระวังเท่านั้น

ในส่วนของเราได้ชี้แจงไปว่า การชุมนุมดังกล่าวมีขึ้นมาหลายปีแล้ว และเป็นการชุมนุมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เรามองว่า จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปิดสนามบิน หรือเหมือนเหตุการณ์จลาจลเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะเรารู้แล้วว่าเหตุการณ์ทั้ง 2 นั้น กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่เราจะไปห้ามการชุมนุมไม่ได้ เพราะเป็นวิถีตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งต่างชาติก็เข้าใจ

“จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศใด ยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ทุกกลุ่มยังยืนยันที่จะเดินทางเข้ามาตามโปรแกรมเดิมที่วางไว้ ช่วงนี้มีเพียงการติดต่อสอบถามเข้ามาเท่านั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจ แต่อาจไม่เดินทางไปยังจังหวัด หรือพื้นที่ที่มีการชุมนุมมากๆ เท่านั้น” นายกงกฤช กล่าว

นายกงกฤช กล่าวว่า สำหรับกรณีการเกิดเหตุระเบิดหลายแห่งในกรุงเทพฯ นั้น ก็ได้ชี้แจงให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปว่าเป็นการก่อกวนเพียงจุดเล็กๆ ไม่ใช่ภัยก่อการร้ายสากล ไม่ใช่ภัยจลาจล ซึ่งแม้แต่ในต่างประเทศ

เช่น ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส, กรุงลอนดอน อังกฤษ เกิดเหตุก่อการร้ายรุนแรงกว่าเยอะมาก แต่กรณีของไทยเป็นเพียงการก่อกวนรัฐบาลอยากล้มรัฐบาล เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตย แต่อาจแสดงออกค่อนข้างรุนแรงไปหน่อย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แหล่งที่ไปก่อเหตุเป็นแหล่งที่มุ่งสร้างผลกระเทือนต่อรัฐบาลมากกว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนนักท่องเที่ยว ซึ่งต่างประเทศเขามีความเข้าใจต่อเรื่องที่เราชี้แจงไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมฯ ได้เตรียมแผนเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองไว้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปเรียบร้อย ส่วนแผนการป้องกันก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งการชี้แจงจะเป็นแบบวันต่อวัน เพื่อไม่ให้ข่าวสารข้อมูลถูกบิดเบือน เพราะเคยมีเหตุการณ์เมื่อช่วงวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

เช่น สำนักข่าว CNN ได้นำเสนอภาพข่าวความรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย.2552 มาประกอบข่าว ซึ่งความจริงแล้วในวันที่ 26 ก.พ.ประเทศไทยไม่ได้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเลย ทำให้ชาวต่างชาติที่ชมภาพข่าวเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเรื่องนี้ได้เร่งทำความเข้าใจไปแล้ว

เรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว บ่งบอกได้ว่า สื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนักกำลังบิดเบือนข่าว ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวไทยเสียหาย ฉะนั้น สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฯ และผู้ประกอบการท่องเที่ยว จึงร่วมมือกับรัฐบาลชี้แจงทำความใจแบบวันต่อวัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และกู้ภาพลักษณ์ของประเทศไว้ได้ทันท่วงที

“หากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย อยู่ในกรอบของกฎหมายก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอยเดือน เม.ย.เกิดขึ้นอีก การท่องเที่ยวของไทยก็จะย่ำแย่ลงไปมาก และคงต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยขึ้นมาได้อีก” นายกงกฤช กล่าวในที่สุด