จันทบุรี - ศูนย์วิจัยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนร่วมบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก แก้ไขภาวะล้นตลาดและราคาตกต่ำ
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมมณีจันทรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี รองศาตราจารย์วิโรจ อิ่มพิทักษ์ ที่ปรึกษาอธิบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธานเปิดการเสวนาวิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก เพื่อร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันตามหลักการ จุดเด่น จุดด้อย โอกาส และอุปสรรค พร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทบทวนบทบาท กลไกบริหารจัดการผลผลิตภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาภาวะล้นตลาดและราคาตกต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออก และการส่งออกผลไม้ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 มีมูลค่า 59,714 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับปริมาณผลผลิตผลไม้จังหวัดจันทบุรีปีนี้ พบว่า มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกชนิด ยกเว้นเงาะ และผลผลิตทุกชนิดจะออกสู่ตลาดพร้อมกันช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม หรือระหว่างวันที่ 11-20 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นช่วงวิกฤติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันบริหารจัดการ ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ
ในส่วนของสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดจันทบุรีได้ เตรียมมาตรการระบายผลผลิตในช่วงดังกล่าว ด้วยการกระจายผลไม้ไปจำหน่ายใน 75 สาขาของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.หรือ ส.ก.ต.ทั่วประเทศ
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมมณีจันทรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี รองศาตราจารย์วิโรจ อิ่มพิทักษ์ ที่ปรึกษาอธิบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธานเปิดการเสวนาวิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก เพื่อร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันตามหลักการ จุดเด่น จุดด้อย โอกาส และอุปสรรค พร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทบทวนบทบาท กลไกบริหารจัดการผลผลิตภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาภาวะล้นตลาดและราคาตกต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออก และการส่งออกผลไม้ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 มีมูลค่า 59,714 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับปริมาณผลผลิตผลไม้จังหวัดจันทบุรีปีนี้ พบว่า มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกชนิด ยกเว้นเงาะ และผลผลิตทุกชนิดจะออกสู่ตลาดพร้อมกันช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม หรือระหว่างวันที่ 11-20 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นช่วงวิกฤติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันบริหารจัดการ ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ
ในส่วนของสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดจันทบุรีได้ เตรียมมาตรการระบายผลผลิตในช่วงดังกล่าว ด้วยการกระจายผลไม้ไปจำหน่ายใน 75 สาขาของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.หรือ ส.ก.ต.ทั่วประเทศ
