อุบลราชธานี- เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี โชว์ฝีมือจับแก๊งโจรกรรมรถส่งขายให้ลาวยกแก๊ง 4 คน โดยใช้วิธีหลอกเหยื่อมาตกหลุมจนครบขบวนการนำรถออกนอกประเทศ สารภาพร่วมกันโจรกรรมรถมาแล้วกว่า 2 ปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 6 มี.ค. พ.ต.อ.เกษมศักดิ์ หะชะนี รอง ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี และ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ เดชะคำภู ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี แถลงข่าวการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ข้ามชาติ โดยเมื่อเย็นวานเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายเมธี หรือ ยักษ์ นาคำ อายุ 31 ปี ขณะเข้าโจรกรรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีแดงดำทะเบียน ขยม 80 อุบลราชธานี เจ้าของรถจอดไว้หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง เมื่อตรวจค้นในตัวพบเหล็กแหลมใช้แทงรูกุญแจ พร้อมอุปกรณ์ใช้โจรกรรมรวม 3 รายการ
จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผลให้โทรศัพท์นัดแนะผู้รับซื้อ คือ นายไชยวัช หรือ จ๊อก เคนสินธ์ อายุ 30 ปี ราษฎรบ้านหัวนา อ.เขมราฐ พร้อมนัดส่งมอบรถที่บ้านคอนสาย อ.โพธิ์ไทร ถึงเวลานายไชยวัชขับรถยนต์กระบะโตโยต้าสีบรอนซ์เงินทะเบียน บง 5266 มุกดาหาร มาตีราคารับซื้อรถที่ถูกโจรกรรม จึงจู่โจมเข้าจับตัวไว้ได้
นายไชยวัช ให้การซัดทอดว่าหลังรับซื้อจากนายเมธี โดยให้ราคาประมาณคันละ 3,000-4,000 บาท จะขายต่อให้ นายธีระศักดิ์ หรือ ดำ วงศ์พิลา อายุ 30 ปี ราษฎรบ้านนาแวงอำเภอเดียวกัน ซึ่งเป็นนายหน้าส่งรถข้ามประเทศในราคาคันละ 7,000-8,000 บาท
ชุดสืบสวน จึงให้ นายไชยวัช โทรศัพท์เรียก นายธีระศักดิ์ มาดูรถ ถึงเวลานัดหมาย นายธีระศักดิ์ ขับรถกระบะอีซูซุทะเบียน บร 125 อุบลราชธานี มากับ นายประเสริฐ หรือ เชียง พันโบก อายุ 41 ปี ซึ่งทำหน้าที่ขับรถไปเก็บรักษาหลังการซื้อขาย จึงเข้าจับกุมตัวพร้อมนำไปตรวจยึดรถของกลางที่ถูกโจรกรรมไปก่อนหน้าอีก 7 คัน เงินสดใช้ซื้อขาย 16,000 บาท นำตัวมาสอบสวน
นายธีระศักดิ์ สารภาพว่า หลังรับซื้อรถจากนายไชยวัช จะนำข้ามแม่น้ำโขงไปขายให้กับพ่อค้ารับซื้อรถโจรกรรมในตลาดมืดประเทศลาวราคา 15,000-20,000 บาท และได้ทำงานร่วมแก๊งกับผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้งหมดเป็นเวลากว่า 2 ปี จึงตั้งข้อหาคนทั้งหมดร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรคุมตัวไว้ดำเนินคดี
พ.ต.อ.อภิศักดิ์ เดชะคำภู ผกก.กล่าวว่า ถ้าคิดเป็นมูลค่าทางทรัพย์สินที่คนร้ายแก๊งนี้ ร่วมกันโจรกรรมรถจักรยานยนต์ประชาชนไปขาย น่าจะมียอดความเสียหายสูงกว่า 10 ล้านบาท และเชื่อว่าหลังการจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ไว้ได้ สถิติรถหายในตัวจังหวัดจะลดลงอย่างมาก เพราะที่ผ่านมามียอดรถหายเดือนละเกือบ 30 คัน
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครปฐม เข้าควบคุมตัวนายเอ นามสมมติ อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.พันธ์ธีรา โกศลดำรงทรัพย์ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยที่ติดต่อทางอินเทอร์เน็ต และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชูสาว หลังนายเอลงมือฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ภายในบ้านพักเลขที่ 27 ถ.ยิงเป้า ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อสายของวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้หลบหนีมากบดานอยู่กับเพื่อนที่หอพักเรือนอุดม ถ.จงกลนิธารน์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี หลังแถลงข่าวเจ้าหน้าที่สืบสวน จ.นครปฐม ได้คุมตัวนายเอกลับไปดำเนินคดียังพื้นที่เกิดเหตุทันที