ฉะเชิงเทรา- ตำรวจแปดริ้วขนรถจักยานยนต์รุ่นยอดฮอท ขวัญใจวัยโจ๋ ฟีโน่-มีโอ 15 คัน ของกลางจากการโจรกรรมของโจรวัยเด็ก 14 พร้อมคู่หูรุ่นพี่ นำมาแถลงข่าวโชว์ผลงาน หลังติดตามรวบตัวได้จากภาพในกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานมัดแน่น เผยออกตระเวนก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านไปจนทั่วทุกจังหวัด ในเขตภาคตะวันออกนานกว่า 1 ปี โดยเฉพาะในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี จนนับครั้งไม่ถ้วน
วันนี้(8 ก.พ.53) พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก. ภ. จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนู พวงมณี ผกก. สส. ภ. จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.คงศักดิ์ บุญสื่อสุวรรณ สว. สส. สภ.บางปะกง ช่วยราชการ หัวหน้าชุด ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา (ปจร.) ได้นำตัว ดช.หม่ำ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี (ดช.พงศกร แซ่คู) อยู่บ้านเลขที่ 13/92 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และนายเอกชัย หาญชนะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/8 ม.2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ รุ่นยอดนิยมของกลุ่มวัยรุ่น ทั้งยามาฮ่า รุ่น มีโอ และ รุ่น ฟีโน่ ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม จำนวน 12 คัน และซากตัวถังรถรุ่นเดียวกันอีก 3 คัน นำมาร่วมกันเปิดแถลงข่าว ที่บริเวณด้านหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการติดต่อซื้อขาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการไขทะลวงกุญแจล็อคคอรถ จำนวน 3 อัน
พล.ต.ต.มณฑล กล่าวว่า การจับกุมแก๊งค์ลักรถจักยานยนต์รายใหญ่ได้ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สนามชัยเขต ได้ทำการจับกุมตัว นายนพดล จิระวัชชะนานนท์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 341 ม.4 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางรถจักยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีแดง ทะเบียน กษพ-725 ฉะเชิงเทรา ที่ถูกโจรกรรมหายไปจากหอพักในเขตพื้นที่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพว่า ได้ติดต่อซื้อรถคันดังกล่าวมาจากผู้ต้องหาทั้งสองคน
จึงได้ทำการขยายผลและสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นแก๊งค์โจรกรรมรถจักยานยนต์รายใหญ่ อยู่ในเขตพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมักจะตระเวนเข้ามาก่อเหตุในหลายจังหวัดภาคตะวันออก โดยเฉพาะ ในเขตท้องที่ สภ.บางปะกง และ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จนสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายแก๊งค์นี้ได้ในที่สุด
หลังจากนำตัวผู้ต้องหามาทำการตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิด ในหอพักที่เกิดเหตุ ขณะถูกค้นร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมรถของผู้เช่าอยู่อาศัยหายไปในเวลากลางคืน และมีใบหน้าตรงกัน โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนยอมรับสารภาพว่า เป็นภาพของตนเองจริงๆ จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร
ขณะที่ ดช.หม่ำ กล่าวยอมรับสารภาพว่า ได้ทำการก่อเหตุลักทรัพย์รถจักยานยนต์มานานแล้ว เป็นเวลากว่า 1 ปีเต็ม จนไม่สามารถจดจำได้ว่า เคยก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง โดยจะเลือกโจรกรรมรถตามที่กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นนิยม หรือตามที่ตลาดรถเถื่อนต้องการ และจะรับโจรกรรมตามใบสั่งจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถจักยานยนต์ยามาฮ่า รุ่น มีโอ และ ฟีโน่ รวมทั้งฮอนด้า รุ่น คลิก อีกด้วย
ในการก่อเหตุโจรกรรม จะขับรถจักยานยนต์ตระเวนดูไปทั่วตามหอพัก ต่างๆ เพื่อเสาะหารถตามเป้าหมายที่ต้องการ โดยในการก่อเหตุแต่ละครั้งจะร่วมกันทำครั้ง ละ 2-3 คน โดยใช้เหล็กปลายแหลมชนิดเนื้อแข็ง ที่เจียระไน ดัดแปลงทำขึ้นมาไว้ใช้สำหรับทะลวงบิดรูกุญแจล็อคคอรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ เพื่อทำการโจรกรรมรถ
ส่วนนายเอกชัย กล่าวว่า ในการเลือกรถของเหยื่อที่จะทำการโจรกรรมนั้น จะเลือกรถที่ไม่ได้ล็อคขาตั้ง หรือมีโซ่คล้อง ล็อคพ่วงเกี่ยวติดกับตัวรถ โดยจะเลือกรถที่ล็อคคอไว้เพียงอย่างเดียว โดยส่วนใหญ่จะเลือกเข้าทำการโจรกรรมตามหอพัก หรือคอนโดมิเนียม ต่างๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่นอนหลับหมดแล้ว โดยจะเลือกเวลาหลังจากเที่ยงคืนไปแล้วจนถึง 01.00 น.เป็นต้นไป หลังจากได้รถมาแล้วก็จะนำไปขายต่อให้แก่พวกเด็กนักเรียนวัยรุ่น อายุประมาณ 15-16 ปี เพียงคันละ 2-3 พันบาทเท่านั้น
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า สำหรับภาพของตนเอง และ ด.ช.หม่ำ ที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด ตามหอพักต่างๆ นั้น เนื่องจากขณะก่อเหตุตนไม่เห็นกล้องวงจรปิด ที่ถูกนำมาติดตั้งแอบซ่อนไว้ จึงทำให้ชะล่าใจ เข้าไปก่อเหตุ