ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – DSI-กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ ประสาน ตชด.บุกตรวจสอบเหมืองเถื่อนลักลอบขุดแร่ฟลูออไรด์โดยไม่ได้รับอนุญาตในผืนป่าต้นน้ำปาย ยึดแร่ได้กว่า 100,000 ตัน มากที่สุดเท่าที่เคยมีการจับกุมมาในประเทศ ย้ำชัดเตรียมขยายผลสาวไส้ให้ถึงตัวการใหญ่
วันนี้ (3 มี.ค.53) ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พลตำรวจตรีดร ปิ่นเฉลียว ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 และนายภูวิช ยมหา เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมการลักลอบขุดแร่ฟลูออไรด์ที่ตำบลเมืองแปง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถตรวจยึดแร่ฟลูออไรด์ได้ประมาณ 100,000 เมตริกตัน มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท มากที่สุดเท่าที่เคยมีการจับกุมได้ในประเทศไทย
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยแร่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบขุดแร่ฟลูออไรด์ในพื้นที่ตำบลเมืองแปง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงประสานกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบวานนี้(2 มี.ค.53)
โดยเข้าตรวจสอบในพื้นที่ที่ชาวบ้านเรียกว่าเหมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดแรกที่ลานเมืองแปง หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองแปง ซึ่งเป็นลานพักแร่ของบริษัทสหชาติเศรษฐกิจ จำกัด และบริษัทเซ้าท์อีสต์ทรานสปอร์ต จำกัด ที่เช่าที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ของชาวบ้าน พบกองแร่ฟลูออไรด์ ประมาณ 100,000 เมตริกตันมูลค่าเมตริกตันละประมาณ 200-400 บาท รถยนต์บรรทุกสิบล้อจำนวน 9 คัน รถขุด 1 คัน เครื่องปั๊มน้ำ 2 เครื่อง เครื่องปั๊มลม 1 เครื่อง และเครื่องปั่นไฟ 1 เครื่อง
จึงจับกุมนายสถิต จันแก้ว ผู้ดูแล และตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและสืบสวนหาผู้กระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังต่อไป โดยเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันมีแร่ไว้ในครอบครองแต่ละชนิดเกิน 2 กิโลกรัม โดยไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 105 พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 มีโทษปรับตั้งแต่ 1-5 เท่าของมูลค่าแร่ ตามมาตรา 148 พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510
ขณะที่จุดที่สองเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เหมืองแกงหอม หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองแปง พบรถขุด 1 คัน เครื่องปั๊มลม 1 เครื่อง เครื่องปั่นไฟ 1 เครื่อง กองแร่ฟลูออไรด์ประมาณ 500 กิโลกรัม ซึ่งเตรียมขนย้ายไปที่ลานเมืองแปง และพบพื้นที่ขุดแร่เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ใต้ภูเขา จำนวน 3 อุโมงค์ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตร หรือประทานบัตรชั่วคราว ตามมาตรา 43 พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และร่วมกันมีแร่ไว้ในครอบครอบแต่ละชนิดเกิน 2 กิโลกรัม โดยไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 105 พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาย ดำเนินคดี
ส่วนจุดสุดท้ายเข้าตรวจสอบที่เหมืองโป่งแกง หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองแปง พบรถขุด 1 คัน เครื่องปั๊มลม 1 เครื่อง แร่ฟลูออไรด์ 2,300 เมตริกตัน ซึ่งเตรียมขนย้ายไปยังลานเมืองแปงเช่นเดียวกัน และตรวจพบการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่เดียวกันด้วย เป็นไม้สักจำนวน 10 ท่อน ผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งพื้นที่นี้มีหลักฐานว่าได้รับประทานบัตรแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ทำประโยชน์จากกรมป่าไม้ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า บุกรุกแผ้วถางก่นสร้างพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 17 และมีไม้หวงห้ามยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 69 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาย ดำเนินคดี
ในส่วนของการดำเนินการขยายผลให้ถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลังนั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายตามหลักฐานจนถึงที่สุด พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาในการช่วยแจ้งเบาะแสให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบด้วย หากพบว่ามีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะที่นายภูวิช ยมหา เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลต่อไปว่าแร่ฟลูออไรด์ที่ถูกลักลอบขุดขึ้นมาดังกล่าวนี้ จะถูกส่งต่อไปยังที่ใดและเพื่อทำอะไรต่อไป พร้อมทั้งยืนยันว่าจะมีการขยายผลการดำเนินการตามกฎหมายกับนายทุนผู้ที่อยู่เบื้องหลังจนถึงที่สุดตามหลักฐานที่มี
ทั้งนี้ การลักลอบขุดแร่ดังกล่าวนั้น นอกจากเป็นการลักลอบขุดแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งจะต้องให้กรมควบคุมมลพิษเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นพบว่ามีการทำลายพื้นที่ป่าต้นน้ำ และสังเกตพบว่าชาวบ้านในพื้นที่มีฟันเหลือง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะมีแร่ฟลูออไรด์ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้
