xs
xsm
sm
md
lg

ช้างแม่-ลูก “พังกาญจนา-น้องมาฆะ” อาการอ่อนเพลียหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ช้างแม่-ลูก “พังกาญจนา” และ “น้องมาฆะ” อาการอ่อนเพลียหนัก งดประชาชนเข้าชมใกล้ชิด เผยโอกาสที่จะรอดหรือไม่ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ 20 คนผลัดเปลี่ยนดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.53) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า หมู่ 9 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมอาการ “พังกาญจนา” ซึ่งเป็นช้างป่าเหยื่อสวมตั๋วรูปพรรณ ที่พิการเนื่องจากถูกทารุณ และ “น้องมาฆะ” ลูกของพังกาญจนาที่เพิ่งคลอดลูกออกมาเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนดประมาณ 3-4 เดือน

ทางคณะแพทย์จึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยสภาพร่างกายของพังกาญจนาในวันนี้มีอาการอ่อนเพลียมากอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาไม่สามารถลุกยืนขึ้นเองได้ ทางคณะแพทย์จึงได้ประสานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อนำรถเครนมาช่วยยกพยุงตัวพังกาญจนาให้ลุกขึ้นยืน พร้อมกับให้น้ำเกลือเพื่อบำรุงร่างกาย

ส่วน “น้องมาฆะ” ก็มีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน โดยขาหลังทั้งสองข้างไม่ค่อยมีแรงพอที่จะสามารถประคองตัวเองให้ยืนและเดินได้ดีนัก

โดย รศ.นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร รองคณะบดีฝ่ายบริการ คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า สภาพร่างกายของพังกาญจนาอยู่ในระยะพักฟื้น ซึ่งเหมือนกับคนหลังคลอดทั่วไป ดังนั้น จะต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลรักษาร่างกายสักระยะหนึ่ง

ขณะนี้เราก็ให้ยาบำรุงในส่วนของกล้ามเนื้อ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ และยารักษาแผล ปัจจุบันพังกาญนากินอาหารได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นกล้วย หัวปลี และยอดอ้อย ส่วนกรณีที่ลูกช้างมีน้ำหนักลดลงก็เป็นปกติ เนื่องจากพังกาญจนาไม่มีนมเพียงพอที่จะเลี้ยงลูก จึงอาจเป็นสาเหตุให้น้ำหนักลูกช้างลดลง จากเดิมน้ำหนักแรกคลอดอยู่ที่ 37 กิโลกรัม และวานนี้ชั่งน้ำหนักได้ 34 กิโลกรัม

โดยล่าสุดน้ำหนักได้ลดลงอีกเล็กน้อยเหลือ 33.6 กิโลกรัม ประกอบกับลูกช้างคลอดก่อนกำหนด 3-4 เดือน และจากการตรวจร่างกายลูกช้างพบว่า ขาหลังมีลักษณะคด ซึ่งอาจถูกกระแทกหรือถูกบีบอยู่ในมดลูก ประกอบกับกระดูกเชิงกรานของแม่ยุบตัวลงโดยสภาพร่างกายของแม่พยายามที่จะบังคับไม่ให้ลูกที่อยู่ในท้องโตจนเกินไป

ดังนั้น จึงถือว่าลูกช้างคลอดออกมาด้วยความโชคดี ส่วนโอกาสที่จะรอดหรือไม่เรายังไม่สามารถยืนยันได้ 100% เนื่องจากยังอยู่ในช่วงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ซึ่งเราจัดได้จัดทีมสัตวแพทย์ จำนวน 3 คนและเจ้าหน้าที่จำนวน 20 คน พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนายชัยวัฒน์ เผยว่า ขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางมาดูความน่ารักของลูกช้างให้ชมอยู่ในจุดที่ทางคณะแพทย์ได้กำหนดไว้ให้เท่านั้นคือ มีระยะห่างประมาณ 20-30 เมตร หรือขอให้ท่านอยู่ให้กำลังใจที่บ้านของตนเอง เนื่องจากเราเกรงว่าลูกช้างอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อน หรือติดเชื้อได้ อันจะทำให้สภาพร่างกายของทั้งแม่และลูกอ่อนแอลงไปอีก

อย่างไรก็ตาม เราพยายามทุกวิถีทางที่จะดูแลทั้งแม่และลูกช้างให้มีสภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงโดยเร็วที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น