ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตร.ภ.4 งัดแผนสันติ 53 คุมเข้มสถานที่ราชการและสถาบันการเงิน 11 จังหวัดอีสานด้านผู้ว่าฯขอนแก่น คาดโทษข้าราชการหลับยาม-หนีเวร ขณะที่ “ไทกร”ระบุบึ้มแบงก์กรุงเทพ เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ทางการเมือง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้(2 มี.ค.) พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่าในช่วงนี้ยังคงต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคอีสานตอนบน อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดสถานการณ์ความรุนแรง ทั้งที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี นครพนม และหนองคาย ซึ่งได้สั่งตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจราจรลและควบคุมฝูงชนจังหวัดละ 2 กองร้อย ประจำในสถานที่ราชการที่สำคัญและสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะ ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารกรุงเทพ รวมไปถึงสถานกงสุลฯ ประเทศต่างๆที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ เพิ่มป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเน้นย้ำบังคับใช้แผนสันติ 53 ในการเข้าถึงแกนนำและเจรจาร่วมระหว่างแกนนำในระดับภาคและระดับจังหวัดเพื่อเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิกด หลังพบว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเปิดเวทีปราศรัยแบบด่าวกระจายในทุกพื้นที่ ทั้งยังมีการชุมนุมบริเวณสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้ออีกหลายจังหวัด อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าจะสามารถ ควบคุมสถานการณ์ได้
ด้าน นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังหัวหน้าส่วนราชการที่มีที่ตั้งอยู่ในศาลากลางจังหวัดกับข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างในสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่เอาใจใส่ในการอยู่เวรยามอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการสอดส่องตรวจตราเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ หากพบข้าราชการละเลยไม่เอาใจใส่อยู่เฝ้าเวรยาม แล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการผู้รับผิดชอบจะต้องถูกลงโทษทางวินัยตามระเบียบทางราชการ และเหตุแห่งกรณีโดยเฉียบขาด และให้ผู้อยู่เวรยามได้ตรวจตราการเปิด – ปิดห้องทำงาน และการเปิด – ปิด ไฟฟ้าของสถานที่ราชการในศาลากลางจังหวัด รวมทั้งวัตถุสิ่งของที่เป็นบ่อเกิดแห่งอัคคีภัยเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเมื่อพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการที่ศาลากลางโดยทันที
ขณะที่นายไทกร พลสุวรรณ ประธานชมรมไทยเป็นหนึ่งเดียว กล่าวว่า เหตุระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ 4 จุดในกรุงเทพฯ ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่ชัดเจน และมีการวางแผนไว้แล้วทั้งหมด ขณะเดียวกันยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวการชุมนุมใหญ่ ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะแบ่งแยกการชุมนุมและเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญต่อต้านการรัฐประหาร เพื่อปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุมในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคอีสาน ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม เป็นต้นไป
กระนั้นก็ตามค่อนข้างเห็นใจข้าราชการตำรวจระดับปฏิบัติการ โดยเฉพาะชั้นประทวน ที่ต้องทำงานหนักในการควบคุมสถานการณ์ และป้องกันเหตุความรุนแรง ซึ่งการคาดโทษของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะส่งผลถึงขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ไม่น้อย
