โวยสวนป่าเมืองแพร่ฝืนประกาศจุดไฟเผาวัชพืช-ลามพื้นที่เกษตรชาวบ้านก่อควันพิษ

แพร่ – “สวนป่าเด่นชัย” เมินประกาศจังหวัดแก้ปัญหาหมอกควัน จุดไฟเผาสวนป่าปล่อยควันพิษลามพื้นที่เกษตรชาวบ้าน เครือข่ายนักอนุรักษ์โวย “พ่อเมือง”ไร้น้ำยาคุม เตรียมทำเรื่องจี้ให้ตั้งการสอบสวนคนเผาป่า

รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ป่าไม้ในจังหวัดแพร่ ทั้งในป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าอุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เริ่มมีไฟป่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญมาจากการเผาเศษพืชเหลือจากการเกษตร และอีกส่วนหนึ่งคือการทำความสะอาดพื้นที่ ซึ่งกรณีหลังเกิดขึ้นกับหน่วยงานของทางราชการ มากเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นพื้นที่สวนป่าของเอกชนที่มักกำจัดวัชพืชด้วยการเผา

ล่าสุดกลางดึกคืนที่ผ่านมา (26 ก.พ.) มีผู้จุดไฟเผาสวนป่าเด่นชัย บริเวณหมู่ 2 ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย เขตติดต่อกับ ต.หัวฝาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ บริเวณสวนป่าบ้านดงสุระ กว่า 20 ไร่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสวนป่าเด่นชัย บริเวณที่ถูกไฟเผาไหม้ เป็นพื้นที่ศึกษา “วนศาสตร์ชุมชน” และไฟได้ลุกลามไปในพื้นที่ชาวบ้านข้างเคียง ส่งผลให้พืชผลเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ต้นกล้วยน้ำว้า ต้องถูกไฟไหม้ยืนตายเป็นจำนวนมาก

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเกิดไฟไหม้ที่สวนป่าแห่งนี้ ไม่ได้ลุกลามมาจากการเผาเศษเหลือใช้การเกษตร แต่เกิดจากการเผาของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีการเผาไปก่อนแล้วครั้งหนึ่งราววันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ได้รับการห้ามและเข้าดับไฟได้ทัน เพื่อต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทำให้มีการกำชับไม่ให้มีการเผาป่า แต่หลังจากการรับเสด็จเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ผ่านไป วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ได้มีการเผาส่วนป่าไม้สักที่ปลูกตั้งแต่ปี 2448เป็นสวนป่าเพื่อการศึกษา “ระบบวนศาสตร์ชุมชน” ของกรมป่าไม้อีกครั้งหนึ่ง

นายเกียรติ คำน้อย ผู้ประสานงานเครือข่ายทรัพยากรจังหวัดแพร่ กล่าวว่า สวนป่าทุกสวนในจังหวัดแพร่ดูแลโดยหน่วยงานราชการ แต่เป็นที่สังเกตว่าเกิดไฟไหม้ทุกปี และสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนที่ตั้งชุมชนใกล้ๆ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่ผ่านเส้นทางที่มีการเผาป่า ถึงแม้มีประกาศจังหวัด ควบคุมไฟป่าครอบคลุมทุกหมู่บ้านตำบลในจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาการเผาป่าที่ส่งผลให้เกิดมลภาวะทางอากาศขึ้นในจังหวัดแพร่ ซึ่งถ้าจำเป็นต้องเผาจะต้องแจ้งเจ้าพนักงานเพื่อขออนุญาต

ทั้งนี้ พบว่าชาวบ้านเริ่มเห็นด้วยและนาข้าวส่วนใหญ่ลดการเผาฟางข้าวไปแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่สวนป่า ที่ควบคุมโดยทางราชการ ที่เกิดไฟไหม้เป็นประจำ ปัญหาดังกล่าวเครือข่ายจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เพื่อเตือนความจำ และกระตุ้นให้บังคับใช้กฎหมาย ที่จังหวัดได้ออกประกาศ จะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวน สวนป่าและป่าสงวนที่มีการละเมิดประกาศจังหวัด ปล่อยให้มีไฟไหม้ โดยไม่รายงานให้จังหวัดทราบ

ขณะเดียวกันคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.แพร่)ได้ออกแถลงการณ์ไปยังเครือข่ายในภาคเหนือ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดสำนึก ในการจัดการแก้ปัญหาร่วมกันโดยด่วน ก่อนที่สภาพอากาศจะเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่