อุดรธานี - เกษตรและสหกรณ์อุดรธานีเตือน เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังระวังเพลี้ยแป้งสายพันธุ์ใหม่ระบาด หมั่นตรวจไร่มันและต้องไม่นำท่อนพันธุ์ที่เคยผ่านพื้นที่ระบาดมาก่อนมาปลูกเด็ดขาด
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานีว่า พบการระบาของเพลี้ยแป้งสีชมพูในแปลงปลูกมีนสำปะหลังของเกษตรกรในเขตอำเภอศรีธาตุ, วังสามหมออำเภอใกล้เคียง ซึ่งเพลี้ยแป้งสายพันธุ์ใหม่นี้จะกำจัดได้ยากกว่าเพลี้ยแป้งธรรมดา จากประวัติการระบาด เพลี้ยแป้งพันธุ์สีชมพูนี้เคยระบาดอย่างหนักในแถบประเทศทางทวีปแอฟริกาและประเทศบราซิลตอนเหนือ
ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และต้องใช้เวลา 2-3 ปี จึงจะเริ่มกลับมาปลูกกมันสำปะหลังได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ จากสภาพอากาศที่มีฝนตกเร็วแต่ต้นปีสลับกับอากาศร้อนของจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงทำให้เกิดการกระตุ้นให้เพลี้ยแป้งเหล่านี้ขยายพันธุ์และระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้นมันสำปะหลังที่ถูกเพลี้ยแป้งสีชมพูเข้าทำลายจะมีอาการยอดหงิกงอเป็นพุ่ม ลำต้นมีช่วงข้อสั้น ต้นมันจะสร้างหัวน้อยหรือตายในที่สุด
สำหรับวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคืออย่าใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่มีประวัติการระบาดมาปลูก ที่สำคัญควรแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารไทอะมิโทแซม 25 เปอร์เซ็นต์ ดับเบิ้ลยู จี ในอัตรา 4 กรัม/น้ำ 20 ลิตร โดยแช่นาน 10 นาที ทำอย่างนี้จะสามารถป้องกันเพลี้ยแป้งได้ หลังปลูกประมาณ 1 เดือน ในกรณีที่พบการระบาดเพียงเล็กน้อย ให้เด็ดยอดไปเผาทำลายทิ้ง
หากมีการระบาดรุนแรงจนต้นมันสำปะหลังหุ้มยอดในช่วงที่มีอายุ 1-4 เดือน ให้เกษตรกรถอนมันทั้งหมดไปเผาทำลายทิ้งแล้วไถดินตากแดดไว้ประมาณ 14 วัน จึงปลูกใหม่โดยใช้ท่อนพันธุ์ที่ผ่านการแช่ยาฆ่าแมลง ส่วนมันสำปะหลังที่มีอายุระหว่าง 5-8 เดือน หากสามารถเก็บเกี่ยวได้ก็ให้เก็บเกี่ยวผลผลิตทันที และวนำต้นมันทั้งหมดไปเผาทำลายทิ้ง
นายปวิต กล่าวต่อว่า ในระยะนี้ขอให้เกษตรกรหลีกเลี่ยงการปลูกมันสำปะหลังไปก่อนเพราะอยู่ในช่วงหน้าแล้งและกำลังมีการระบาดของเพลี้ยแป้งสีชมพู ซึ่งช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกมันสำปะหลังควรเป็นช่วงฤดูฝนคือประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคม ของฤดูกาลปลูกปี 2553 ที่สำคัญก่อนการปลูกจะต้องชุบทอนพันธุ์ด้วยยาฆ่าแมลงทุกครั้ง
ทั้งนี้ ต้องไม่นำท่อนพันธุ์ที่ได้รับการระบาดมาปลูก และควรออกสำรวจแปลงมันสำปะหลังเป็นระยะ หากพบการระบาดขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลหรืออำเภอท้องถิ่นด่วนที่สุด
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานีว่า พบการระบาของเพลี้ยแป้งสีชมพูในแปลงปลูกมีนสำปะหลังของเกษตรกรในเขตอำเภอศรีธาตุ, วังสามหมออำเภอใกล้เคียง ซึ่งเพลี้ยแป้งสายพันธุ์ใหม่นี้จะกำจัดได้ยากกว่าเพลี้ยแป้งธรรมดา จากประวัติการระบาด เพลี้ยแป้งพันธุ์สีชมพูนี้เคยระบาดอย่างหนักในแถบประเทศทางทวีปแอฟริกาและประเทศบราซิลตอนเหนือ
ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และต้องใช้เวลา 2-3 ปี จึงจะเริ่มกลับมาปลูกกมันสำปะหลังได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ จากสภาพอากาศที่มีฝนตกเร็วแต่ต้นปีสลับกับอากาศร้อนของจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงทำให้เกิดการกระตุ้นให้เพลี้ยแป้งเหล่านี้ขยายพันธุ์และระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้นมันสำปะหลังที่ถูกเพลี้ยแป้งสีชมพูเข้าทำลายจะมีอาการยอดหงิกงอเป็นพุ่ม ลำต้นมีช่วงข้อสั้น ต้นมันจะสร้างหัวน้อยหรือตายในที่สุด
สำหรับวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคืออย่าใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่มีประวัติการระบาดมาปลูก ที่สำคัญควรแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารไทอะมิโทแซม 25 เปอร์เซ็นต์ ดับเบิ้ลยู จี ในอัตรา 4 กรัม/น้ำ 20 ลิตร โดยแช่นาน 10 นาที ทำอย่างนี้จะสามารถป้องกันเพลี้ยแป้งได้ หลังปลูกประมาณ 1 เดือน ในกรณีที่พบการระบาดเพียงเล็กน้อย ให้เด็ดยอดไปเผาทำลายทิ้ง
หากมีการระบาดรุนแรงจนต้นมันสำปะหลังหุ้มยอดในช่วงที่มีอายุ 1-4 เดือน ให้เกษตรกรถอนมันทั้งหมดไปเผาทำลายทิ้งแล้วไถดินตากแดดไว้ประมาณ 14 วัน จึงปลูกใหม่โดยใช้ท่อนพันธุ์ที่ผ่านการแช่ยาฆ่าแมลง ส่วนมันสำปะหลังที่มีอายุระหว่าง 5-8 เดือน หากสามารถเก็บเกี่ยวได้ก็ให้เก็บเกี่ยวผลผลิตทันที และวนำต้นมันทั้งหมดไปเผาทำลายทิ้ง
นายปวิต กล่าวต่อว่า ในระยะนี้ขอให้เกษตรกรหลีกเลี่ยงการปลูกมันสำปะหลังไปก่อนเพราะอยู่ในช่วงหน้าแล้งและกำลังมีการระบาดของเพลี้ยแป้งสีชมพู ซึ่งช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกมันสำปะหลังควรเป็นช่วงฤดูฝนคือประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคม ของฤดูกาลปลูกปี 2553 ที่สำคัญก่อนการปลูกจะต้องชุบทอนพันธุ์ด้วยยาฆ่าแมลงทุกครั้ง
ทั้งนี้ ต้องไม่นำท่อนพันธุ์ที่ได้รับการระบาดมาปลูก และควรออกสำรวจแปลงมันสำปะหลังเป็นระยะ หากพบการระบาดขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลหรืออำเภอท้องถิ่นด่วนที่สุด
