พะเยา - ชาวบ้านพะเยา ตื่นแห่ชมเงาพระธาตุอายุกว่าพันปีกลับหัว ท้องถิ่นเตรียมนำเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดหาแนวทางพัฒนาให้เป็นสถานที่ศึกษาธรรมะ ด้านวิทยาศาสตร์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านโบราณสถาน
รายงานข่าวจากจังหวัดพะเยาแจ้ง ว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านตำบลท่าวังทอง ได้พากันเดินทางเข้ามาพิสูจน์และดูเงาพระธาตุวัดป่าสักคำ หมู่ 8 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา หลังจากที่ทางวัดได้รับนักเรียนหญิงเข้ามาศึกษาหาธรรมะในวัด และ ด.ญ.นักเรียนที่พักในกุฏิได้เห็นเงาแสงพระธาตุส่องกลับหัวเข้ามาในห้องกุฏิจึงรีบบอกให้เจ้าอาวาสทราบ จนกระทั่งชาวบ้านทราบเรื่องได้พากันเดินทางมาดู เพื่อพิสูจน์ความจริง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพะเยา ได้เข้าพบพระอธิการพระอธิการญาณวิทย์ อติธมโม อายุ 38 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสักคำ หมู่ 8 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดเงาพระธาตุกลับหัววัดป่าสักคำ
พระอธิการพระอธิการญาณวิทย์ อติธมโม อธิบายว่า ที่ผ่านมาทางวัดได้รับนักเรียนหญิง เข้ามาศึกษาธรรมะภายในวัด และวัดได้จัดให้พักในกุฏิรับรองห้องที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกใกล้กับองค์พระธาตุและ ด.ญ. เอ(ขอสงวนชื่อ นามสกุล)ที่อยู่ในห้องได้เห็นภาพเงาขององค์พระธาตุส่องลอดฝาประตูห้องหน้ากุฏิเข้ามาภายในกุฏิ เห็นเงาองค์พระธาตุกลับหัว และเป็นภาพเหมือนจริงทุกอย่างแล้วนำเอามาบอกให้ทราบ
เมื่อได้ลองเอาผ้าขาวมาขึงไว้ภายในห้อง และปิดประตูกุฏิดูภายในห้องพบว่า มีรูปองค์พระธาตุส่องเข้ามาในห้อง สร้างความแปลกประหลาดใจ จึงได้เอาเรื่องไปปรึกษาหารือกับนายศรีเดช ธิวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าวังทอง พร้อมด้วยคณะศรัทธา เพื่อจะได้หาแนวทางดูแลรักษาไว้ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้านการศึกษาธรรมะด้านวิทยาศาสตร์ และอื่น ๆ
หลังจากหารือทางนายศรีเดช ธิวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าวังทอง ได้นำเรื่องเสนอให้กับนายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นำไปเพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้ให้วัดป่าสักคำ แห่งนี้เป็นสถานที่รองรับผู้คนที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวชมเงาองค์พระธาตุในโอกาสต่อไป
สำหรับประวัติวัดป่าสักคำ (อรัญวาสี) อดีตเคยเป็นป่าไม้สักคำ เต็มไปหมดมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ต่อมาได้มีการปรับปรุงโดยอดีตพระแต่ละรูปที่มาจำพรรษา พร้อมกับตั้งเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน เป็นสาขาวัดล่ำเปิง ตโปทาราม จนถึงปัจจุบัน ในอดีตวัดแห่งนี้ เป็นสถานที่อยู่แนวเขตของอดีตกษัตริย์ผู้ครองเมืองพะเยา มากว่า 1,000 ปีผ่านมา ตั้งอยู่เลขที่236 หมู่ 8ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา
วัดแห่งนี้ชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกเป็นม่อนเวียงปู่ล่าม ,พระธาตุดอยม่อน,พระธาตุจอมก๊อ ซึ่งแล้วแต่ชาวบ้านสมัยโบราณจะเรียก ซึ่งอาจจะตรงกับ อดีตกษัตริย์ พ่อขุนจอมธรรม,พ่อขุนเจืองธรรมิกราช,พ่อขุนงำเมือง เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา จนกระทั่งวัดแห่งนี้ได้ล่มสลายเป็นวัดร้างมานาน เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา จนมีพระสงฆ์มาธุดงค์ จำพรรษา จึงได้ปรับปรุงพัฒนาวัดจนเป็นวัดป่าสักคำ จนถึงทุกวันนี้
ด้านนายศรีเดช ธิวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าวังทอง กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวพบเงาองค์พระธาตุ ก็ได้มาดูพบว่าเป็นของจริง และได้ทำเรื่องนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เพื่อจะได้หาแนวทางพัฒนาวัดป่าสุกคำ ให้เป็นสถานที่ศึกษาธรรมะ ,ศึกษาด้านการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านโบราณสถาน เพราะจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่พบหลักฐานหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่
สำหรับเงาองค์พระธาตุนั้นเกิดจากองค์พระธาตุที่มีความสูง 25 เมตร ฐานกว้าง 15 เมตร ได้ก่อสร้างขึ้นมาทับองค์พระธาตุองค์เก่าที่มีอายุกว่า 1,000 ปี การเกิดเงาองค์พระธาตุกลับหัวนั้นนับว่าองค์พระธาตุวัดป่าสักคำ เป็น 1 ใน 3 ของภาคเหนือ และเป็น 1 ใน6 ของประเทศไทย ที่มีการเกิดเงาหรืทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าเกิดการหักเหของแสง
แต่ที่แปลกเนื่องจากการเกิดเงาหรือการหักเหของแสงมักจะเกิดกับองค์พระธาตุหรือพระเจดีย์ที่เก่าแก่โบราณ แทบทั้งสิ้น เหมือนที่เกิดแบบนี้กับองค์พระธาตุหรือองค์พระเจดีย์ เช่นเดียวกันกับพระธาตุวัดป่าสักคำ
สำหรับบรรยากาศทั่วไปในวัดนั้น ช่วงนี้มีผู้คนเดินทางเข้า ๆ เพื่อมาชมเงาองค์พระธาตุ จนกระทั่งเย็นหมดแสงแดด ซึ่งทางวัดจะได้จัดสถานที่ไว้รองรับผู้คนที่เดินทางมาเที่ยวชมตามโอกาสต่อไป