xs
xsm
sm
md
lg

พบ "อาวุธโบราณ" ใต้น้ำบ้านแก่งประลอมที่กาญจน์อายุกว่าพันปีอีกเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - นักโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร ออกสำรวจอาวุธสงครามโบราณบ้านแก่งประลอมอำเภอไทรโยค กาญจนบุรี เพิ่ม พบอาวุธโบราณอีกจำนวนมาก รวมไปถึงอาวุธบางชิ้นมีอายุกว่า 1,000 ปี

วันนี้ (12 ก.พ.53) เมื่อเวลา 08.00 น.นายเอิบเปรม วัชราวกูร นักโบราณคดี ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีใต้น้ำ สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้เดินทางมาพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจำนวน 6 คน พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการดำน้ำ เพื่อทำการสำรวจและทำแผนที่ใต้น้ำในแม่น้ำแควน้อย ที่บริเวณบ้านแก่งประลอม หมู่ที่ 1 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

หลังจากที่คณะของนายนายเอิบเปรม วัชราวกูร นักโบราณคดี ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีใต้น้ำ สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร เดินทางมาถึงยังบริเวณสะพานบ้านแม่น้ำน้อยซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่พบอาวุธสงครามโบราณ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายจรูญ ถนอมพงษ์ อายุ 45 ปี อาชีพหาปลา อยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 1 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้ค้นพบอาวุธสงครามโบราณกว่า 200 ปี ที่จมอยู่ใต้แม่น้ำแควน้อยครั้งนี้ทราบว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา มาสอบถามถึงบริเวณที่ค้นพบอาวุธสงครามโบราณดังกล่าวว่า อยู่ตรงบริเวณใดและรวมทั้งพื้นที่มีความลึกของน้ำในแม่น้ำประมาณเท่าใด

หลังจากที่นายจรูญ มาถึงได้กล่าวถึงบริเวณที่พบอาวุธสงครามโบราณว่า อาวุธสงครามดังกล่าวที่ตนพบนั้นอยู่ที่บริเวณหน้าผาใต้ถ้ำส่วนเรื่องของความลึกของน้ำอยู่ประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงได้เขียนแผนที่ไว้เพื่อทำการสำรวจต่อไป

ก่อนที่ชุดประดาน้ำของกลุ่มโบราณคดีกำลังเตรียมตัวที่จะออกสำรวจและทำแผนที่ใต้น้ำยังบริเวณดังกล่าวด้วยเรือยางอยู่นั้น นายสุรินทร์ รัชตะพงษ์กร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานไทรโยคได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานจำนวน 5 นาย เดินทางมากับเรือหางยาว พร้อมหยุดเรือแล้วเดินทางมาบนฝั่งแล้วเดินตรงไปยังบริเวณที่จอดรถของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรพร้อมกล่าวว่า ได้มีชาวบ้านแจ้งไปว่า มีผู้มาดำน้ำหาของโบราณที่บริเวณบ้านแก่งประลอม หมู่ 1 ตนจึงได้เดินทางมาทำการตรวจสอบพร้อมทั้งบอกให้ชุดเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสำรวจหยุดดำเนินการทันที นายเอิบเปรม หัวหน้าชุดจึงได้สั่งให้เรียกเจ้าหน้าที่ชุดดำน้ำและทำแผนที่ใต้น้ำที่เดินทางไปทำการสำรวจให้เดินทางกับมายังฐานซึ่งอยู่ที่บริเวณใต้สะพานบ้านแก่งประลอมด่วน

ต่อจากนั้นนายสุรินทร์ รัชตะพงษ์กร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานไทรโยค ได้กล่าวต่อว่า ถ้าจะมีการปฏิบัติการดังกล่าวได้จะต้องให้ทางกรมศิลปากรทำหนังสือขออนุญาตเสียก่อนจึงจะดำเนินการได้ นายเอิบเปรม จึงตอบว่า วันนี้ถ้าดำเนินการไม่ได้ก็จะต้องรอไปถึงเดือนมีนาคม 2554 คือ ปีหน้าถึงจะดำเนินการต่อได้

ต่อจากนั้นฝ่ายประสานงานจึงได้ทำการติดต่อไปยัง นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวว่า ในวันนี้ชุดโบราณคดีใต้น้ำ สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้เดินทางมาสำรวจและทำแผนที่ใต้น้ำบริเวณที่ค้นพบอาวุธสงครามจำนวนมากที่บ้านแม่น้ำน้อย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่อุทยานไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากไม่มีการทำหนังสือขอใช้พื้นที่มายังอุทยาน

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้กล่าวว่า ทางกรมศิลปากรได้ทำหนังสือมายัง อบต.เพื่อประสานไปยังหน่วยงานต่างๆทั้งจังหวัด อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวก่อนที่จะเดินทางมาสำรวจในครั้งนี้ ผลการเจรจาดังกล่าวจึงสามารถดำเนินการต่อได้หลังจากนั้น ชุดประดาน้ำจะลงไปสำรวจและทำแผนที่จึงได้แบ่งการดำเนินการค้นหาอาวุธสงครามออกเป็น 2 ชุดๆละ2 คน ใช้เวลาการดำเนินการชุดละ 40 นาที นักประดาน้ำชุดแรกอยู่ในชุดมนุษย์กบได้ลงไปทำการสำรวจและทำแผนที่ใต้น้ำได้ไม่นานก็ต้องขึ้นมาเนื่องจากกระแสน้ำของแม่น้ำแควน้อยแรงบวกกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นวังวนไม่สามารถตรวจหาวัตถุโบราณและทำแผนที่ได้

จนกระทั่งเวลาต่อมาแม่น้ำแควน้อยเริ่มลดปริมาณลงทำให้การสำรวจและทำแผนที่ใต้น้ำดำเนินการได้ ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ดำน้ำในชุด 2 ลงไปสำรวจปรากฏว่า เจ้าหน้าที่พบอาวุธสงครามอีกเป็นจำนวนกว่า 50 ชิ้น เจ้าหน้าที่ชุดกล่าวจึงได้นำอาวุธสงครามโบราณดังกล่าวขึ้นมาเก็บไว้บนฝั่ง

หลังเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว นายเอิบเปรม วัชราวกูร นักโบราณคดี ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีใต้น้ำ สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงอาวุธโบราณดังกล่าวที่ตรวจพบในครั้งนี้ว่า อาวุธที่เราทำการตรวจพบในครั้งนี้อาวุธส่วนใหญ่เป็นมีด ดาบ ปลายฉมวก หัวขวาน หัวหอก ครก สาก กรรไกร สิ่ว เคียว ซึ่งอาวุธพวกนี้มีอายุอยู่ประมาณ 200-300 ปี หรือ ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลายกับรัตนโกสินทร์ตอนต้น
 
นายเอิบเปรม กล่าวต่อว่า มีอาวุธชิ้นหนึ่งคือ หัวขวาน ซึ่งมีอายุประมาณ 1,000 ปี อาวุธดังกล่าวนี้อยู่ในยุคหลังยุคหิน ตนจึงอยากจะบอกชาวบ้านแก่งประลอม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ว่า สิ่งเกิดขึ้นในบ้านแก่งประลอมของท่านก็ขอให้ท่านจงได้ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ไว้เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้ต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น