พิจิตร - ธ.ก.ส.-ชลประทาน-เกษตรพิจิตรห่วงภัยแล้ง งัดไม้ตายงดให้กู้พื้นที่นาปรังเสี่ยงแล้ง-นาล่ม แนะทำอย่างอื่นแทนเป็นวิธีเดียวช่วยรัฐประหยัดเงินชดเชย ภัยพิบัตินาแล้ง แถมตัดวงจรเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ระบาดไม่เลิก
นายธรรมนูญ เทศขำ ผอ.ธ.ก.ส.พิจิตร ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงการทำนาของชาวพิจิตรที่เคยทำนา 2 ปี 7 ครั้ง ซึ่งปีนี้สำนักงานชลประทาน จ.พิจิตร ยืนยันแล้วว่า น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิต์ มีปริมาณน้ำเหลือเพียงแค่ 50% โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล จะมีน้ำเพื่อจ่ายให้ได้แค่ 3,400 ล้านคิว จากความจุจริง 13,000 ล้านคิว ส่วนน้ำในเขื่อนสิริกิต์เหลือเพียง 1,900 ล้านคิว เท่านั้นเอง ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติ
ส่วนพื้นที่ของจังหวัดพิจิตร 2.8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 3.7 แสนไร่ ซึ่งชลประทานจะรับประกันเรื่องน้ำทำนาให้อยู่ในความดูแลของสำนักงานชลประทานพลายชุมพล, สำนักงานชลประทานดงเศรษฐี, สำนักงานชลประทานท่าบัว หมายความว่ าการทำนาปรังรอบแรกตั้งแต่เดือน พ.ย – เดือน ก.ย. 2553 มีโอกาสได้เก็บเกี่ยว
ส่วนนาปรังรอบ 2 คาดว่า จะเริ่มทำกันอีกราวเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2553 สำนักงานชลประทาน จ.พิจิตร ยืนยันว่า แล้งจริงๆแน่นอน ห้ามทำนาเด็ดขาด แต่เกษตรชาวนามักจะไม่เชื่อ
ดังนั้น ในฤดูแล้งปีนี้ ธ.ก.ส.-ชลประทาน –เกษตรจังหวัดพิจิตร จะมีการบูรณาการข้อมูลกัน เพราะผู้ที่จะห้ามชาวนาได้ คือ ธกส. ซึ่งเป็นผู้ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวนา เพื่อเอาไปทำทุนในการทำนา ดังนั้นจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงของชาวนาในฤดูภัยแล้งปี 53 นี้
นายธรรมนูญ ย้ำว่า ธ.ก.ส.จะต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในการทำนาปรังรอบ 2 โดยจะพิจารณาจากแหล่งน้ำเป็นหลัก ถ้ากู้เงินไปแล้วเสี่ยงข้าวแห้งตายนาล่ม ก็จะไม่ปล่อยเงินกู้ และส่งเสริมให้ทำอย่างอื่นแทน ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในการชดเชยภัยพิบัติแล้งได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งยังเป็นการตัดวงจรของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ยังคงระบาดไม่เลิกรา เพราะการทำนาปรังที่ไม่ยอมหยุดอีกด้วย
