ศูนย์ข่าวขอนแก่น-แบงก์ชาติ คาดเศรษฐกิจอีสานปีเสือดุ ขยายตัวร้อยละ 3-4 ยกปัจจัยราคาพืชเกษตรปรับตัวขึ้นยกแผง ทั้งการลงทุนเริ่มขยายตัว จับตาปัจจัยเสี่ยงความไม่แน่นอนทางการเมือง และความยั่งยืนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ด้านภาวะเศรษฐกิจอีสานปี 52 ที่ผ่านมา เจอผลกระทบวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ไม่รุนแรง เศรษฐกิจอีสานหดตัวต่ำกว่าภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ
วันนี้ (2 ก.พ. 53) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดกิจกรรมแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงิน ปี 2552 และแนวโน้มปี 2553 โดยมีนางสาวนพวรรณ มหามุสิก ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สภอ. พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนงาน ร่วมแถลงข่าว ณ สถานสวัสดิสงเคราะห์ ธปท.สภอ. ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
นางสาวนพวรรณ มหามุสิก ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจอีสานปี 2553 ว่า คาดว่าเศรษฐกิจอีสานปี 2553 จะขยายตัวร้อยละ 3-4 เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ การขยายตัวจากการใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจาก ราคาพืชผลการเกษตรมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะ ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน ทั้งการลงทุนของภาคเอกชน ขยายตัวจากความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอีสานคือ เสถียรภาพทางการเมือง แนวโน้มของราคาน้ำมันและอัตรามเงินเฟ้อ รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาทจากกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่จะเข้ามายังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น และความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและเศรษฐกิจโลก
วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์กระทบอีสานไม่แรง
ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สภอ. กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจอีสานปี 2552 ที่ผ่านมาว่า ผลจากวิกฤติการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยและส่งผลให้เศรษฐกิจอีสานปี 2552 ได้รับผลกระทบเป็นลำดับ การลงทุนของภาคธุรกิจช่วงครึ่งแรกของปี 2552 หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจ
อีกทั้งสถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เห็นได้จากเครื่องชี้ด้านการลงทุน คือ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างหดตัวร้อยละ 13 ทุนจดทะเบียนโรงงานหดตัวร้อยละ 6.4 และทุนจดทะเบียนธุรกิจหดตัวร้อยละ 18
ในช่วงครึ่งปีหลัง การลงทุนกลับฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 73 ทุนจดทะเบียนโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 และทุนจดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 ส่วนสำคัญเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เน้นการใช้จ่ายผ่านงบประมาณ โดยเฉพาะด้านการลงทุน การใช้จ่ายของภาครัฐครึ่งปีหลังขยายตัวร้อยละ 44 ขณะที่ครึ่งปีแรกขยายตัวร้อยละ 12 โดยเป็นการขยายตัวของงบลงทุนถึงร้อยละ 183
นางสาวนพวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เริ่มมีความชัดเจนขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำนักเศรษฐกิจหลายแห่งได้ปรับตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนและอินเดีย เป็นแรงสนับสนุนให้นักธุรกิจมีความเชื่อมั่นที่จะตัดสินใจในการลงทุนมากขึ้น
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 ภาคการเกษตร รายได้เกษตรกรลดลงจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ คือข้าว มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงานลดลงตามวิกฤติเศรษฐกิจ มีผลให้กำลังซื้อในต่างประเทศลดลง โดยรายได้เกษตรกรซึ่งวัดจากมูลค่าผลผลิตช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 หดตัวร้อยละ 11 ชะลอต่อเนื่อง
ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีหลัง ราคา ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงานเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของการส่งออก เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกที่เป็นคู่แข่งกับไทย เช่น อินเดียและเวียดนาม ประสบกับภัยธรรมชาติ ประกอบกับจีนมีความต้องการมันเส้นจากประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น โดยรายได้เกษตรกรในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17 เป็นผลจากราคาที่เพิ่มขึ้น
เศรษฐกิจอีสานได้เริ่มฟื้นตัวนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากการลงทุนเริ่มขยายตัว โดยเฉพาะด้านการก่อสร้าง ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากงบลงทุนของภาครัฐ ทั้งราคาพืชผลสำรัญปรับตัวดีขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนกระเตื้องขึ้น แต่ชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงปลายปีจากราคาสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันช่วงปลายปีเศรษฐกิจอีสาน ได้รับแรงสนับสนุนจากภาคบริการและการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคายและอุดรธานี ที่ขยายตัวขึ้นจากการจัดแข่งขันซีเกมส์ที่สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยรวมแล้ว คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจภาคอีสานปี 2552 จะหดตัวน้อยกว่าภาพรวมของประเทศที่หดตัวร้อยละ 2.7 โดยจะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -1 ถึงบวกร้อยละ 0.5
