ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-เทศบาลนครเชียงใหม่วางแผนลดการเผาในที่โล่งป้องกันปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยการเตรียมนำเครื่องย่อยกิ่งไม้ใบไม้แล้วผลิตปุ๋ยออกให้บริการประชาชน พร้อมจะมีการบังคับใช้กฎหมายเข้มควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือ ขณะเดียวกันเผยรถยนต์เชียงใหม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนปริมาณมหาศาลในแต่ละปี ระบุต้องเร่งผลักดันระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กว่า ในส่วนของการเผาในที่โล่งที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหานั้น เบื้องต้นได้มีการเตรียมเครื่องย่อยเศษกิ่งไม้ใบไม้ แล้วนำเศษกิ่งไม้ใบไม้ที่ได้เข้าสู่กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยจะใช้เทคนิควิธีของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ช่วยย่อยสลายโดยไม่ต้องกลับเศษกิ่งไม้ใบไม้และไม่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น ขณะเดียวกันยังจะมีการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อลดการเผาควบคู่กันไปกับการขอความร่วมมือด้วย
นอกจากนี้จะมีการขอความร่วมมือจากอาคารที่กำลังก่อสร้างให้ดูแลเรื่องการใช้รถบรรทุกขนดินและดูแลการจัดเก็บเศษวัสดุก่อสร้างต่างๆ ไม่ให้ก่อปัญหาฝุ่นละออง พร้อมกันนี้จะมีการออกรณรงค์ขอความร่วมมือผู้ใช้รถยนต์ให้ปิดเครื่องยนต์ของรถเวลาจอดเพื่อลดการก่อไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และจะมีการดำเนินการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ขอความร่วมมือประชาชน ในการช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ผ่านสื่อต่างๆ ด้วย
ขณะเดียวกันนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันเชียงใหม่มีรถยนต์ประมาณ 4 แสนคัน และรถจักรยานยนต์กว่า 1 ล้านคัน ซึ่งรถจำนวนนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ออกมาปีละประมาณ 2 ล้านกิโลกรัมต่อปี โดยที่ต้นไม้และแหล่งน้ำช่วยดูดซับไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังคงมีปริมาณก๊าซตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ไขปัญหา นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว ยังมีความจำเป็นที่จะต้องลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงได้มากที่สุด ด้วยการจัดให้มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับในส่วนของการผลักดันโครงการระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่นั้น นายทัศนัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยมีการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ และทางเทศบาลนครเชียงใหม่ก็มีแนวความคิดที่จะผลักดันโครงการเช่นกัน โดยเบื้องต้นมองว่าระบบขนส่งมวลชนที่จะมีขึ้นนั้น จะต้องไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะเพียงพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เท่านั้น แต่จะต้องครอบคลุมไปถึงพื้นที่โดยรอบ เช่น แม่ริม หางดง สันกำแพง สันทราย เป็นต้น ที่มีปริมาณการเดินทางเข้าออกเมืองจำนวนมากด้วย
ดังนั้นโครงการนี้คงจะต้องมีการผลักดันโครงการร่วมกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานระดับสูงขึ้นไป โดยยอมรับว่าเกินศักยภาพของท้องถิ่นที่จะดำเนินการได้ เพราะใช้งบประมาณลงทุนสูงมาก