เลย - โรคหนอนม้วนใบกล้วยระบาดหนักในพื้นที่จังหวัดเลย เจ้าของสวนกล้วยโอดถูกกัดกินใบจนกล้วยลีบ ดำคล้ำขายไม่ได้ ขณะที่วิธีแก้ฉีดพ่นสารสะเดาหรือเก็บฆ่าทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศในพื้นที่จังหวัดเลย จะมีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกวัน บางวันทั้งหนาว ร้อนและแห้งแล้ง ในวันเดียวกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกสภาวะสิ่งแวดล้อม มีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ พืชและมนุษย์ การโรคระบาดกับพืชทางการเกษตรในหลายๆ ด้าน
นายวิรัตน์ วงศ์ศรีรักษ์ เกษตรอำเภอเมืองเลย กล่าวหลังเดินทางไปตรวจดูพื้นที่เสียหายโรคระบาดพืชไร่ บริเวณบ้านลาดค้อ ตำบลกกดู่ อ.เมือง จ.เลย ที่เกิดโรคหนอนม้วนใบกล้วย ระบาดหนักนับพันไร่ ว่า เกิดจากตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนจะวางไข่ตรงยอดอ่อนของใบกล้วย ใช้ระยะเวลา 5 – 7 วัน จะฟักเป็นตัวอ่อนครั้งละ 10-20 ตัว และจะม้วนใบกล้วยเป็นหลอด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
ตอนกลางคืนจะออกมากินใบกล้วย ซึ่งระยะทำลายจะใช้เวลา 5 – 7 วัน จะเข้าดักแด้ออกเป็นผีเสื้อต่อไป ลักษณะหารทำลาย ตัวอ่อนของหนอนม้วนใบจะกัดกินใบกล้วยระยะใบอ่อนจนเหลือแต่ก้านใบ ทำให้กล้วยไม่มีใบปรุงอาหารทำให้ผลกล้วยลีบและมีสีดำคล้ำไม่เจริญเติบโตต้องตัดต้นทิ้ง
ด้านการป้องกันรักษานั้นต้องใช้สารสะเดาฉีดพ่น เพื่อป้องกันการลอกคราบทำให้หนอนตายหรือ ใช้วิธีเก็บฆ่าทิ้งและใช้เป็นอาหาร ระยะตัวเต็มวัยจะมีเกษตรกรเก็บไปเป็นอาหารและจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท,ใช้สารเคมีฉีดพ่นในแปลงกล้วยที่ปลูกใหม่ หากติดผลแล้วไม่แนะนำให้ใช้ ต้องฉีดยาตั้งแต่กล้วยยังอายุน้อยหรือต้นเล็กและใช้น้ำหมักชีวภาพ
ด้านนายชุมพล แทบทาม 79 ม.1 บ้านลาดค้อ ตำบลกกดู อ.เมือง จ.เลย กล่าวว่า ตนมีพื้นที่ปลูกกล้วยทั้งหมด 5 ไร่ ตอนนี้ถูกหนอนม้วนใบกล้วย ลงกัดกินใบกล้วยจนหมดสวน เสียหายมาก ทำอะไรไม่ได้เลย รอปลูกใหม่อย่างเดียวบริเวณหมู่บ้านลาดค้อและหมู่บ้านใกล้เคียง มีพื้นที่ปลูกกล้วยอยู่ประมาณ 1,200-1500 ไร่ ถูกผลกระทบ จากการระบาดของผีเสื้อชนิดนี้ไปเกือบทุกสวนแล้วแต่มากน้อย
ปัจจุบันยังมีการระบาดอยู่ และไม่มีท่าทีจะสิ้นสุด ราคากล้วยที่ได้ก็เริ่มแย่ จากหวีละ 5 บาท ก็จะตกลงเหลือ 2-3 บาท เองเพราะผิวของกล้วยไม่สวยราคาก็ตก ตอนนี้ก็ต้องรอให้มันกินหมดแล้วต้องตัดใหม่ หรือรอยอดกล้วยชุดใหม่ออกมาอีกครั้ง และหาวิธีป้องกันก่อนจะกลับมาเป็นอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศในพื้นที่จังหวัดเลย จะมีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกวัน บางวันทั้งหนาว ร้อนและแห้งแล้ง ในวันเดียวกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกสภาวะสิ่งแวดล้อม มีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ พืชและมนุษย์ การโรคระบาดกับพืชทางการเกษตรในหลายๆ ด้าน
นายวิรัตน์ วงศ์ศรีรักษ์ เกษตรอำเภอเมืองเลย กล่าวหลังเดินทางไปตรวจดูพื้นที่เสียหายโรคระบาดพืชไร่ บริเวณบ้านลาดค้อ ตำบลกกดู่ อ.เมือง จ.เลย ที่เกิดโรคหนอนม้วนใบกล้วย ระบาดหนักนับพันไร่ ว่า เกิดจากตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนจะวางไข่ตรงยอดอ่อนของใบกล้วย ใช้ระยะเวลา 5 – 7 วัน จะฟักเป็นตัวอ่อนครั้งละ 10-20 ตัว และจะม้วนใบกล้วยเป็นหลอด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
ตอนกลางคืนจะออกมากินใบกล้วย ซึ่งระยะทำลายจะใช้เวลา 5 – 7 วัน จะเข้าดักแด้ออกเป็นผีเสื้อต่อไป ลักษณะหารทำลาย ตัวอ่อนของหนอนม้วนใบจะกัดกินใบกล้วยระยะใบอ่อนจนเหลือแต่ก้านใบ ทำให้กล้วยไม่มีใบปรุงอาหารทำให้ผลกล้วยลีบและมีสีดำคล้ำไม่เจริญเติบโตต้องตัดต้นทิ้ง
ด้านการป้องกันรักษานั้นต้องใช้สารสะเดาฉีดพ่น เพื่อป้องกันการลอกคราบทำให้หนอนตายหรือ ใช้วิธีเก็บฆ่าทิ้งและใช้เป็นอาหาร ระยะตัวเต็มวัยจะมีเกษตรกรเก็บไปเป็นอาหารและจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท,ใช้สารเคมีฉีดพ่นในแปลงกล้วยที่ปลูกใหม่ หากติดผลแล้วไม่แนะนำให้ใช้ ต้องฉีดยาตั้งแต่กล้วยยังอายุน้อยหรือต้นเล็กและใช้น้ำหมักชีวภาพ
ด้านนายชุมพล แทบทาม 79 ม.1 บ้านลาดค้อ ตำบลกกดู อ.เมือง จ.เลย กล่าวว่า ตนมีพื้นที่ปลูกกล้วยทั้งหมด 5 ไร่ ตอนนี้ถูกหนอนม้วนใบกล้วย ลงกัดกินใบกล้วยจนหมดสวน เสียหายมาก ทำอะไรไม่ได้เลย รอปลูกใหม่อย่างเดียวบริเวณหมู่บ้านลาดค้อและหมู่บ้านใกล้เคียง มีพื้นที่ปลูกกล้วยอยู่ประมาณ 1,200-1500 ไร่ ถูกผลกระทบ จากการระบาดของผีเสื้อชนิดนี้ไปเกือบทุกสวนแล้วแต่มากน้อย
ปัจจุบันยังมีการระบาดอยู่ และไม่มีท่าทีจะสิ้นสุด ราคากล้วยที่ได้ก็เริ่มแย่ จากหวีละ 5 บาท ก็จะตกลงเหลือ 2-3 บาท เองเพราะผิวของกล้วยไม่สวยราคาก็ตก ตอนนี้ก็ต้องรอให้มันกินหมดแล้วต้องตัดใหม่ หรือรอยอดกล้วยชุดใหม่ออกมาอีกครั้ง และหาวิธีป้องกันก่อนจะกลับมาเป็นอีกครั้ง