ศรีสะเกษ – “ทหารไทย-เขมร”รุดเจรจายุติปัญหาปะทะเดือดชายแดนด้าน“เขาพระวิหาร” อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เผยมีมติร่วมทั้ง 2 ฝ่ายให้ลาดตระเวนในเขตแดนตัวเอง-พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ หากเกิดปัญหาให้นายทหารคุมกำลัง 2 ฝ่ายหารือแก้ไขทันที และเตรียมกำหนดเขตลาดตระเวนร่วมกัน ขณะชาวบ้านพร้อมอพยพหนีภัยสงครามทันที หากได้รับคำสั่งให้อพยพจากทางราชการ
วันนี้ (25 ม.ค.53) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 959 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ปะทะเดือดกับกองกำลังติดอาวุธฝ่ายกัมพูชา ที่บริเวณหัวเขื่อนห้วยขนุน เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีรายงานยืนยันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และในวันเดียวกันนายทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เจรจาเพื่อยุติปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นโดยมีมติให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอนกำลังกลับไปยังที่ตั้งของตัวเองตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ฐานปฏิบัติการซำแต ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ท.สุรกิจ กาฬเนตร รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.ประยูร ขวัญคุ้ม หัวหน้าฝ่ายยุทธการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และนายทหารของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จำนวนหนึ่งได้เข้าไปเจรจากับนายทหารที่คุมกำลังของฝ่ายกัมพูชา
ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้มาพบปะเจรจาหารือกัน เพื่อหาทางเจรจาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาในการประชุมร่วมกันนานประมาณกว่า 1 ชั่วโมง (ชม.) เบื้องต้นได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องลาดตระเวนในเขตแดนของตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกัน หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้นายทหารที่คุมกำลังทั้ง 2 ฝ่ายพบปะหารือประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทันทีและให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายมีการลาดตระเวนร่วมกันตามที่จะมีการตกลงกันเอาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า หลังจากการประชุมหารือร่วมกันแล้ว พ.ต.สุรกิจ กาฬเนตร รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้นำคณะนายทหารและทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ที่มีการปะทะกันเพื่อหาหลักฐานต่าง ๆ และพบว่ามีเศษชิ้นส่วนกระดาษที่เป็นภาษาเขมรตกอยู่ในบริเวณที่มีการปะทะกัน จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้นำคณะทหารกลับเข้าที่ตั้ง และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบตามลำดับชั้นต่อไป
ขณะเดียวกันที่ บ.โศกขามป้อง ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่มีการปะทะกันปรากฏว่าชาวบ้านก็ยังพากันอาศัยอยู่ตามปกติ แต่มีความหวาดหวั่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชาวบ้านต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา
นางบัว จันทร์สนิท อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 / 1 บ.โศกขามป้อง ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนและเพื่อนบ้านทุกคนมีความหวาดกลัวภัยสงครามที่มีการสู้รบกันเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ใด เนื่องจากพวกเรามีบ้านเกิดอยู่ที่นี่แม้จะหวาดกลัวมากเท่าใด ก็จำเป็นต้องทนอยู่
อย่างไรก็ตาม พวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะอพยพหนีภัยสงครามได้ทันทีหากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีประกาศสั่งการลงมา โดยจุดที่ทางราชการเตรียมไว้เพื่อรองรับผู้อพยพนั้นอยู่ใกล้จากที่เกิดเหตุพอสมควร แต่มั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยเมื่อไปอยู่รวมกันที่ศูนย์อพยพ และมั่นใจว่าทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาบริเวณนี้ จะสามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันภัยให้กับชาวบ้านทุกคนได้
วันนี้ (25 ม.ค.53) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 959 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ปะทะเดือดกับกองกำลังติดอาวุธฝ่ายกัมพูชา ที่บริเวณหัวเขื่อนห้วยขนุน เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีรายงานยืนยันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และในวันเดียวกันนายทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เจรจาเพื่อยุติปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นโดยมีมติให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอนกำลังกลับไปยังที่ตั้งของตัวเองตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ฐานปฏิบัติการซำแต ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ท.สุรกิจ กาฬเนตร รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.ประยูร ขวัญคุ้ม หัวหน้าฝ่ายยุทธการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และนายทหารของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จำนวนหนึ่งได้เข้าไปเจรจากับนายทหารที่คุมกำลังของฝ่ายกัมพูชา
ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้มาพบปะเจรจาหารือกัน เพื่อหาทางเจรจาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาในการประชุมร่วมกันนานประมาณกว่า 1 ชั่วโมง (ชม.) เบื้องต้นได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องลาดตระเวนในเขตแดนของตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกัน หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้นายทหารที่คุมกำลังทั้ง 2 ฝ่ายพบปะหารือประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทันทีและให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายมีการลาดตระเวนร่วมกันตามที่จะมีการตกลงกันเอาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า หลังจากการประชุมหารือร่วมกันแล้ว พ.ต.สุรกิจ กาฬเนตร รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้นำคณะนายทหารและทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ที่มีการปะทะกันเพื่อหาหลักฐานต่าง ๆ และพบว่ามีเศษชิ้นส่วนกระดาษที่เป็นภาษาเขมรตกอยู่ในบริเวณที่มีการปะทะกัน จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้นำคณะทหารกลับเข้าที่ตั้ง และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบตามลำดับชั้นต่อไป
ขณะเดียวกันที่ บ.โศกขามป้อง ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่มีการปะทะกันปรากฏว่าชาวบ้านก็ยังพากันอาศัยอยู่ตามปกติ แต่มีความหวาดหวั่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชาวบ้านต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา
นางบัว จันทร์สนิท อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 / 1 บ.โศกขามป้อง ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนและเพื่อนบ้านทุกคนมีความหวาดกลัวภัยสงครามที่มีการสู้รบกันเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ใด เนื่องจากพวกเรามีบ้านเกิดอยู่ที่นี่แม้จะหวาดกลัวมากเท่าใด ก็จำเป็นต้องทนอยู่
อย่างไรก็ตาม พวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะอพยพหนีภัยสงครามได้ทันทีหากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีประกาศสั่งการลงมา โดยจุดที่ทางราชการเตรียมไว้เพื่อรองรับผู้อพยพนั้นอยู่ใกล้จากที่เกิดเหตุพอสมควร แต่มั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยเมื่อไปอยู่รวมกันที่ศูนย์อพยพ และมั่นใจว่าทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาบริเวณนี้ จะสามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันภัยให้กับชาวบ้านทุกคนได้
