ตราด - ผู้ประกอบการธุรกิจนั่งช้างท่องเที่ยวบนเกาะช้งวอนท้องถิ่นควบคุมจำนวนช้างและปางช้าง ระบุถูกข่มขู่และช้างถูกทำร้าย ด้านเทศบาลตำบลเกาะช้าง ร่างเทศบัญญํติควบคุมจำนวน
นางพรทิพย์ บุญเพ็ง เจ้าของปางช้างบ้านช้างไทย ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า จากการที่ธุรกิจปางช้างใน อ.เกาะช้าง มีความเติบโตสูงขึ้นทำให้มีการเปิดปางช้างเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 แห่ง เพิ่มมาเป็น 5 แห่งในปัจจุบันและจำนวนช้างมีเพิ่มจาก 30 เชือกมาเป็น 50-60 เชือก ในปัจจุบัน ซึ่งจำนวนปางช้างและปัญหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย หากไม่สามารถควบคุมได้อีกทั้งการที่มีการแข่งขันสูงได้เกิดปัญหาทำร้ายช้าง และข่มขู่กันระหว่างคนท้องถิ่นกับคนต่างถิ่น จนช้างล้มและควาญช้างได้รับบาดเจ็บมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมาปศุสัตว์ จ.ตราด และอุทยานฯ เกาะช้างได้มีการประชุมหารือกันแล้วว่าจะควบคุมไม่ให้มีปางช้างเกิน 3 แห่ง ช้างไม่เกิน 13 เชือก/ปาง แต่ปัจจุบันมีปางช้างเพิ่มขึ้นอีก 2 ปาง และช้างมีเพิ่มขึ้น 50-60 ตัว แล้วจึงเป็นเรื่องที่จะเกิดปัญหาหากทางราชการหรือปศุสัตว์ไม่มีการควบคุมในเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
ทางด้าน นายศรัณ จิรังศรี กล่าวว่า จากปัญหาการเติบโตของธุรกิจบางประเภทที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเกาะช้าง เช่น จำนวนช้าง เลี้ยงเพื่อธุรกิจนั่งช้างนำเที่ยว ที่ปัจจุบันมีเพิ่มจาก 3 ปาง มาเป็น 5 ปาง และจำนวนช้างเพิ่มจาก 20-30 เชือก มาเป็น 40-60 เชือก ซึ่งการมีปางช้างและจำนวนช้างที่มากไปจะไม่เกิดผลดีต่อสภาพแวดล้อม เพราะช้างต้องอุจจาระ และปัสสาวะ อาจจะกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวในเกาะช้งได้ จึงได้ร่วมทางอุทยานฯ เกาะช้ง และปศุสัตว์ จ.ตราด ออกระเบียบในการควบคุมช้างในเกาะช้างไม่ให้มีจำนวนมากจนส่งผลกระทบ โดยขณะนี้ทราบว่าปศุสัตว์ได้กำหนดไว้ไม่ให้มีจำนวนเกิน 13-15 เชือก/ 1 ปางช้าง หรือไม่ควรเกิน 50-60 เชือก ซึ่งจะไม่กระทบต่อธุรกิจและนักท่องเที่ยรวมทั้งสิ่งแวดล้อมบนเกาะช้างด้วย
ขณะที่ นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง กล่าวว่า ปางช้างทั้งหมดไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ เกาะช้าง ทำให้อุทยานฯ ไม่มีอำนาจที่จะควบคุมได้ อย่างไรก็ตามท้องถิ่นอย่างเทศบาล ต.เกาะช้าง จะต้องออกกฎหมายท้องถิ่นเข้ามาควบคุมจึงจะได้ผลมากกว่า ทั้งนี้ อุทนานฯ เกาะช้างเห็นด้วยจะต้องให้มีการควบคุมอย่างจริงจัง
นางพรทิพย์ บุญเพ็ง เจ้าของปางช้างบ้านช้างไทย ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า จากการที่ธุรกิจปางช้างใน อ.เกาะช้าง มีความเติบโตสูงขึ้นทำให้มีการเปิดปางช้างเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 แห่ง เพิ่มมาเป็น 5 แห่งในปัจจุบันและจำนวนช้างมีเพิ่มจาก 30 เชือกมาเป็น 50-60 เชือก ในปัจจุบัน ซึ่งจำนวนปางช้างและปัญหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย หากไม่สามารถควบคุมได้อีกทั้งการที่มีการแข่งขันสูงได้เกิดปัญหาทำร้ายช้าง และข่มขู่กันระหว่างคนท้องถิ่นกับคนต่างถิ่น จนช้างล้มและควาญช้างได้รับบาดเจ็บมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมาปศุสัตว์ จ.ตราด และอุทยานฯ เกาะช้างได้มีการประชุมหารือกันแล้วว่าจะควบคุมไม่ให้มีปางช้างเกิน 3 แห่ง ช้างไม่เกิน 13 เชือก/ปาง แต่ปัจจุบันมีปางช้างเพิ่มขึ้นอีก 2 ปาง และช้างมีเพิ่มขึ้น 50-60 ตัว แล้วจึงเป็นเรื่องที่จะเกิดปัญหาหากทางราชการหรือปศุสัตว์ไม่มีการควบคุมในเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
ทางด้าน นายศรัณ จิรังศรี กล่าวว่า จากปัญหาการเติบโตของธุรกิจบางประเภทที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเกาะช้าง เช่น จำนวนช้าง เลี้ยงเพื่อธุรกิจนั่งช้างนำเที่ยว ที่ปัจจุบันมีเพิ่มจาก 3 ปาง มาเป็น 5 ปาง และจำนวนช้างเพิ่มจาก 20-30 เชือก มาเป็น 40-60 เชือก ซึ่งการมีปางช้างและจำนวนช้างที่มากไปจะไม่เกิดผลดีต่อสภาพแวดล้อม เพราะช้างต้องอุจจาระ และปัสสาวะ อาจจะกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวในเกาะช้งได้ จึงได้ร่วมทางอุทยานฯ เกาะช้ง และปศุสัตว์ จ.ตราด ออกระเบียบในการควบคุมช้างในเกาะช้างไม่ให้มีจำนวนมากจนส่งผลกระทบ โดยขณะนี้ทราบว่าปศุสัตว์ได้กำหนดไว้ไม่ให้มีจำนวนเกิน 13-15 เชือก/ 1 ปางช้าง หรือไม่ควรเกิน 50-60 เชือก ซึ่งจะไม่กระทบต่อธุรกิจและนักท่องเที่ยรวมทั้งสิ่งแวดล้อมบนเกาะช้างด้วย
ขณะที่ นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง กล่าวว่า ปางช้างทั้งหมดไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ เกาะช้าง ทำให้อุทยานฯ ไม่มีอำนาจที่จะควบคุมได้ อย่างไรก็ตามท้องถิ่นอย่างเทศบาล ต.เกาะช้าง จะต้องออกกฎหมายท้องถิ่นเข้ามาควบคุมจึงจะได้ผลมากกว่า ทั้งนี้ อุทนานฯ เกาะช้างเห็นด้วยจะต้องให้มีการควบคุมอย่างจริงจัง