พิจิตร – ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเผยชาวบ้านยังแห่ขุดหาแร่ทองที่ “เขาพนมพา” รับเป็นห่วงขุดบ่อลึกแล้วถูกดินถล่มทับตาย พร้อมย้ำห้ามใช้สารปรอทในการทำให้ทองจับตัว ชี้เป็นอันตรายทั้งต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม สั่งสาธารณสุขและ อสม.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจและห้ามปราม
วันนี้(16 ม.ค.) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่เขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ยังคงมีชาวบ้านกว่าร้อยคนยังคงแห่เข้าไปหาแร่ทองคำในพื้นที่โดยรอบเขาพนมพา ซึ่งเป็นที่ดินของวัดธรรมกาย โดยบางรายยึดเป็นอาชีพปักหลักกินอยู่หลับนอนในบริเวณนั้นมานานนับปี ซึ่งยอมรับว่าเป็นการทำมาหากินของชาวบ้าน แต่ที่น่าเป็นห่วง กล่าวคือขณะนี้ดินที่ขุดเป็นหลุมบ่อลึกและชาวบ้านก็มุดเข้าไปเอาแร่ทองคำที่ผสมอยู่ในเนื้อดินออกมาร่อนแร่ จนเกิดดินถล่มทับตายบ่อยครั้งมีสถิติบันทึกไว้ไม่น้อยกว่า 30 ศพแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือ เมื่อร่อนหาแร่ทองคำ โดยใช้ “กระทะไม้หรือหมวกเจ๊ก” แบบภูมิปัญญาชาวบ้านก็จะมีเกร็ดแร่ทองคำเล็กๆติดอยู่กับกระทะไม้ชาวบ้านก็จะใช้สารปรอทมาเป็นตัวจับแร่ทองคำ จากนั้นก็จะไปเผาให้สารปรอทระเหยไปเหลือแต่แร่ทองคำ แล้วจึงนำไปขายให้กับร้านรับซื้อทองคำ ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวมีอันตรายมากถ้าสารปรอทตกลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติถ้าคนหรือสัตว์กินเข้าไป อีกทั้งขณะที่เผาสารปรอทแล้วมีกลิ่นควันออกมา ถ้าสูดดมเข้าไปในร่างกายก็อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งและถึงตายได้ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้สาธารณสุขอำเภอวังทรายพูน และ อสม. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านและห้ามปรามชาวบ้านใช้สารปรอท อย่างเด็ดขาดแล้ว
ในส่วนของชาวบ้านที่เข้าไปขุดหาแร่ทองคำก็ยังคงมีการพัฒนาที่นอกเหนือจากการใช้สารปรอทนั้น คือเมื่อได้ดินที่มีแร่ทองคำ ก็จะเอาเข้าเครื่องโม่ย่อยให้เป็นผงแล้วจะชะล้างด้วยน้ำให้ไหลลงไปตามรางโดยใช้เทคโนโลยีชาวบ้าน โดยการนำพรมเช็ดเท้าที่เป็นใยสังเคราะห์ที่เอาไว้สำหรับวางรองในรถยนต์ มารองตามรางน้ำเพื่อจับหาแร่ทองคำ เนื่องจากทองคำมีน้ำหนักความถ่วงจำเพาะที่หนักกว่าดิน ซึ่งพรมเช็ดเท้าใยสังเคราะห์นี้จะเป็นตัวจับทองคำเอาไว้ไม่ให้ไหลไปกับน้ำและดิน จากนั้นก็เอาพรมเช็ดเท้าที่รองพื้นในรางน้ำมาล้างและนำเกล็ดแร่ทองคำที่ผสมอยู่ในดินครั้งสุดท้าย นำใส่กระทะไม้ร่อนกับน้ำจนเหลือเฉพาะแร่ทองคำ ที่นอนอยู่ก้นกระทะ จากนั้นก็จะใช้สารปรอททำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กดูดทองจับหาแร่ทองคำตามกรรมวิธีข้างต้น ดังกล่าว ซึ่งสารดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกด้วย
วันนี้(16 ม.ค.) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่เขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ยังคงมีชาวบ้านกว่าร้อยคนยังคงแห่เข้าไปหาแร่ทองคำในพื้นที่โดยรอบเขาพนมพา ซึ่งเป็นที่ดินของวัดธรรมกาย โดยบางรายยึดเป็นอาชีพปักหลักกินอยู่หลับนอนในบริเวณนั้นมานานนับปี ซึ่งยอมรับว่าเป็นการทำมาหากินของชาวบ้าน แต่ที่น่าเป็นห่วง กล่าวคือขณะนี้ดินที่ขุดเป็นหลุมบ่อลึกและชาวบ้านก็มุดเข้าไปเอาแร่ทองคำที่ผสมอยู่ในเนื้อดินออกมาร่อนแร่ จนเกิดดินถล่มทับตายบ่อยครั้งมีสถิติบันทึกไว้ไม่น้อยกว่า 30 ศพแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือ เมื่อร่อนหาแร่ทองคำ โดยใช้ “กระทะไม้หรือหมวกเจ๊ก” แบบภูมิปัญญาชาวบ้านก็จะมีเกร็ดแร่ทองคำเล็กๆติดอยู่กับกระทะไม้ชาวบ้านก็จะใช้สารปรอทมาเป็นตัวจับแร่ทองคำ จากนั้นก็จะไปเผาให้สารปรอทระเหยไปเหลือแต่แร่ทองคำ แล้วจึงนำไปขายให้กับร้านรับซื้อทองคำ ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวมีอันตรายมากถ้าสารปรอทตกลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติถ้าคนหรือสัตว์กินเข้าไป อีกทั้งขณะที่เผาสารปรอทแล้วมีกลิ่นควันออกมา ถ้าสูดดมเข้าไปในร่างกายก็อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งและถึงตายได้ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้สาธารณสุขอำเภอวังทรายพูน และ อสม. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านและห้ามปรามชาวบ้านใช้สารปรอท อย่างเด็ดขาดแล้ว
ในส่วนของชาวบ้านที่เข้าไปขุดหาแร่ทองคำก็ยังคงมีการพัฒนาที่นอกเหนือจากการใช้สารปรอทนั้น คือเมื่อได้ดินที่มีแร่ทองคำ ก็จะเอาเข้าเครื่องโม่ย่อยให้เป็นผงแล้วจะชะล้างด้วยน้ำให้ไหลลงไปตามรางโดยใช้เทคโนโลยีชาวบ้าน โดยการนำพรมเช็ดเท้าที่เป็นใยสังเคราะห์ที่เอาไว้สำหรับวางรองในรถยนต์ มารองตามรางน้ำเพื่อจับหาแร่ทองคำ เนื่องจากทองคำมีน้ำหนักความถ่วงจำเพาะที่หนักกว่าดิน ซึ่งพรมเช็ดเท้าใยสังเคราะห์นี้จะเป็นตัวจับทองคำเอาไว้ไม่ให้ไหลไปกับน้ำและดิน จากนั้นก็เอาพรมเช็ดเท้าที่รองพื้นในรางน้ำมาล้างและนำเกล็ดแร่ทองคำที่ผสมอยู่ในดินครั้งสุดท้าย นำใส่กระทะไม้ร่อนกับน้ำจนเหลือเฉพาะแร่ทองคำ ที่นอนอยู่ก้นกระทะ จากนั้นก็จะใช้สารปรอททำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กดูดทองจับหาแร่ทองคำตามกรรมวิธีข้างต้น ดังกล่าว ซึ่งสารดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกด้วย