หนองคาย - เอเย่นต์ยาบ้ารายย่อย 3 คน ชวนกันข้ามโขงหาซื้อยาบ้า ขากลับซ่อนไว้ในยกทรงและกระเป๋าเสื้อผ้า กว่า 3,000 เม็ด เข้าทำพิธีการผ่านแดนท่าทางลุกลี้ลุกลน ถูกรวบคาด่านสะพานทันควัน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย ขณะที่นายเผดิมเดช มั่งคั่ง หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคาย, ร.ต.ท.สุริยา บุญสิทธิ์ รองหัวหน้าชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมชุดสนธิกำลังสกัดกั้นยาเสพติด จ.หนองคาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางจากประเทศลาวเข้าประเทศตามปกติ
ปรากฏว่าพบผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน เดินลงจากรถโดยสารประจำสะพานฯเข้าทำพิธีการผ่านแดน พอเห็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแสดงท่าทางมีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน หน้าซีด เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบ ทราบชื่อภายหลังคือนายจูลี้ โพธิกมล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 10 ต.บ้านโปร่ง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี, นางสมพัฒ จันทรา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 12 ต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ และนางแพงศรี พันธ์ชัย อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 10 ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี
ตรวจค้นกระเป๋าเดินทางที่นายจูลี้ถือ พบยาบ้า 6 ถุง จำนวน 1,936 เม็ด ตรวจค้นตัวนางสมพัฒ พบยาบ้าซ่อนไว้ในเสื้อยกทรงข้างละ 2 ถุง รวม 4 ถุง จำนวน 1,162 เม็ด ส่วนนางแพงศรีไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย รวมยาบ้าทั้งหมด 3,098 เม็ด
จากการสอบสวนทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้ชักชวนกันเดินทางข้ามไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อไปหาซื้อยาบ้ากับชายคนลาวไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง โดยนายจูลี้ และนางสมพัฒ ซึ่งเป็นแฟนกัน ได้ช่วยกันออกเงินซื้อยาบ้า 60,000 บาท ส่วนนางแพงศรี จ่ายเงินซื้อยาบ้า 84,000 บาทได้ยาบ้า 10 ถุง แบ่งเป็นของนางแพงศรี 6 ถุง ส่วนของนางสมพัฒและนายจูลี้ 4 ถุง
จากนั้นนางแพงศรี ได้ให้นางสมพัฒ ซ่อนยาบ้าไว้ในยกทรง ส่วนยาบ้าที่เหลือใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางให้นายจูลี้ถือ พอข้ามกลับมาถึง จ.หนองคายแล้ว นางแพงศรีจึงจะนำยาบ้าส่วนของตนไป
โดยทั้งหมดสารภาพว่าจะนำยาบ้าไปขายต่อที่บ้านเกิดเม็ดละ 250-350 บาท ซึ่งนางแพงศรี เพิ่งจะพ้นโทษคดียาเสพติดเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา แต่เมื่อพ้นโทษแล้วก็กลับมาค้ายาบ้าอีก
