ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รองอธิบดีกรมศิลปากร ตรวจสอบโบราณวัตถุที่ถูกโจรกรรมกลับสู่พิพิธภัณฑ์ขอนแก่นได้ 87 รายการ เหลือ 4 รายการ รอตำรวจขยายผลตามสมบัติชาติกลับคืนจนครบ ชี้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นผู้ก่อเหตุไม่ได้มีโทษเพียงลักทรัพย์ตามที่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาไว้เท่านั้น แต่ต้องรับโทษตาม พ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุฯ ด้วย
ความคืบหน้าคดีโจรกรรมโบราณวัตถุเกือบ 100 รายการจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น ล่าสุดเวลาประมาณ 14.30 น. วันนี้(26 ธ.ค.)นายเขมชาติ เทพชัย รองอธิบดีกรมศิลปากร เดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานขอนแก่น เพื่อติดตามการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นและนำโบราณวัตถุ จำนวน 87 รายการ ที่ถูกโจรกรรมกลับสู่พิพิธภัณฑ์ โดยยังขาดอีก 4 รายการ เป็นพระพิมพ์ดินเผาจากบ้านนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม
รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่าทางกรมศิลปากรได้ทำหนังสือรายงานไปยังนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อรายงานถึงการติดตามโบราณวัตถุ จำนวน 91 รายการ ซึ่งถูกโจรกรรมออกไปจากพิพิธภัณฑสถานจังหวัดขอนแก่น ช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ธันวาคม 2552
พร้อมแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4 ประกอบด้วย พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ศักดิ์ดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พัฒนี ศิริวัฒนี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ได้เก็บหลักฐาน สืบสวนติดตามจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ในเวลา 20 วัน หลังเกิดเหตุ
สำหรับโบราณวัตถุอีก 4 รายการที่ยังขาดหายไป อยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำสมบัติชาติกลับคืนมาได้จนครบ
นายเขมชาติ กล่าวอีกว่า ทางกรมศิลปากรต้องชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้น ต้องถูกดำเนินคดีไม่เพียงข้อหาลักทรัพย์ ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งความไว้เท่านั้น แต่จะต้องใช้พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มาตรา 33 ซึ่งได้ระบุไว้ว่า ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้สูญหายซึ่งโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในการติดตามคนร้ายตลอดจนการติดตามนำสมบัติของแผ่นดินคืนได้ในครั้งนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ขอขอบคุณทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ที่แสดงให้เห็นจิตสำนึกความเป็นคนไทยที่รักและหวงแหนมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นเรื่องสำคัญ
ด้าน พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภาค 4 เปิดเผยถึงการการติดตามจับกุมคนร้าย คือ นายมงลเดช ศูนย์จันทร์ อายุ 22 ปี ชาว อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งนายมงคลเดช รับสารภาพทั้งหมดและให้การว่าได้นำพระที่โจรกรรมส่วนหนึ่งไปขายให้กับนายประดิษฐ์ หรือ เล็ก นาดูน
เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามจับกุมนายประดิษฐ์ หรือ เล็ก ปะวะภูตา ชาว ต.พระธาตุ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เป็นผู้ต้องหาที่ 2 โดยนายเล็กสารภาพว่ารับซื้อพระเครื่องกรุนาดูนจากนายมงคลเดชจริง จำนวน 20 รายการ มูลค่า 130,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์
ทั้งนี้ทั้งสองไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่จนมุมจากภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งมีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชนมาโดยตลอด ทำให้เจ้าของร้านทองแห่งหนึ่งในขอนแก่น ซึ่งนายมงคลเดชได้เข้าไปซื้อทอง โดยสวมสร้อยพระพิมพ์กรุนาดูนด้วย เจ้าของร้านจึงขอดู แต่นายมงคลเดชมีท่าทีพิรุธ ประกอบกับเจ้าของร้านทองจำรูปพรรณสัณฐานภาพผู้ต้องสงสัยคดีนี้จากภาพกล้องวงจรปิดได้ จึงแจ้งเบาะแสไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทียบภาพใบหน้าชัดๆ จากกล้องในร้านทอง กระทั่งรู้ชื่อที่อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตามไปรวบตัวได้ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายบุกโจรกรรมโบราณวัตถุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น ทั้งพระพิมพ์ดินเผาจากกรุพระธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม พระพิมพ์ดินเผาจากเมืองฟ้าแดดสงยาง จ.กาฬสินธุ์ พระพุทธรูปสำริดสมัยทวารวดีประทับยืน และโบราณวัตถุล้ำค่าของชาติ รวมทั้งหมดเกือบ 100 รายการ เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค. ต่อเนื่องวันที่ 5 ธ.ค. 2552