ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระบุยอดการปล่อยสินเชื่อในภาคตะวันออกของธนาคารกลุ่มเครือข่ายปี 2552 มีไม่น้อยกว่า 7 พันล้านบาท และหากนับรวมธนาคารสาขาที่ไม่อยู่ในเครือข่าย คาดมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เผยปีเสือการปล่อยสินเชื่อน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้าน จากผลการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวทางการลงทุนทั้งภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และเกษตรกรรมในพื้นที่
นายสมจิตร์ พงษ์พิทักษ์วิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยถึงตัวเลขการปล่อยสินเชื่อและการระดมเงินออมของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออกในปี 2552 ว่ามีสัดส่วนเท่ากันคืออยู่ระหว่าง 7,000-7,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 60% ของยอดเงินปล่อยกู้ทั้งหมดในเครือข่ายภาคตะวันออก ทั้งนี้ ในปี 2552 ธนาคารกรุงไทย ถือเป็นธนาคารที่มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและการลงทุนสูงเป็นอันดับ 1 เมื่อดูจากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อรวมทั้งประเทศ ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐเร่งปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นการลงทุน
ขณะที่เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปี 2553 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรวมทั้งประเทศว่าจะต้องเติบโตจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 7% แต่เนื่องจากภาคตะวันออก เป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเฉพาะในภาคท่องเที่ยว อุตสาหกรรมและการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตัวเลข GDP ของประเทศที่คาดว่าน่าจะขยับมาอยู่ที่ 3-4% ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าตัวเลขการปล่อยสินเชื่อของภาคตะวันออกในปีนี้จะเติบโตจากเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ 7% เป็น 14%
“การปล่อยสินเชื่อและการระดมเงินออมของธนาคารกรุงไทย เครือข่ายภาคตะวันออกในปี 2553 คาดว่าจะเติบโตเป็น 2 เท่าของเป้าหมายรวมที่สำนักงานใหญ่ตั้งไว้เพราะปัจจัยบวกในหลายๆ ด้าน และตัวเลขการปล่อยสินเชื่อและระดมเงินออมที่มีในปี 2552 ซึ่งจัดว่าสูงมาก จึงคาดการณ์ได้ว่าในปี 2553 เฉพาะธนาคารกรุงไทยที่อยู่ในเครือข่ายภาคตะวันออก จะมียอดการปล่อยสินเชื่อสูงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งไฮไลต์สำคัญยังคงอยู่ที่เรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและการลงทุน”
นายสมจิตร์ ยังเผยถึงปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่าการปล่อยสินเชื่อและระดมเงินออมของธนาคารกรุงไทย เครือข่ายภาคตะวันออกในปี 2553 จะเติบโตจากปีก่อน ส่วนหนึ่งเกิดจากความมั่นใจจากเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปี 2552 ที่ตั้งไว้เพียง 3 พันล้านบาท แต่เมื่อถึงปลายปีกลับพบว่ายอดปล่อยสินเชื่อเติบโตจากเป้าหมายถึง 100% แสดงให้เห็นว่าในภาคตะวันออก ยังคงมีความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูงมาก รองลงมาก็คือสินเชื่อเพื่อการลงทุน ทั้งการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ต ดังนั้น เมื่อแนวโน้ทางเศรษฐกิจในปี 2553 มีทิศทางขยายตัวจึงมั่นใจว่าความต้องการสินเชื่อด้านต่างๆ จะเติบโตตาม
ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้พัฒนารูปแบบงานบริการ รวมถึงการเปิดกิจกรรมเพื่อระดมเงินฝากด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษก็ทำให้มั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าของธนาคารจะขยายตัวมากขึ้น
