อุบลราชธานี-"ชวลิต" ลงทุนเดินสายร่วมงานรำลึกการจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล ของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเขตงาน 444 ภูสระดอกบัว ด่า“อภิสิทธิ์” ล้มเหลว สร้างความแตกแยกทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทำให้ “ฮุนเซน” ไม่พอใจไทย ทั้งที่เป็นมิตรที่ดีต่อกันมาตลอด พร้อมเชิดชูคนอยู่ต่างประเทศ “จงรักภักดีต่อสถาบันเป็นที่สุด” หยอดน้ำตาลหากเป็นรัฐบาล จะจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่มีรายชื่อตกหล่น
วันนี้(20 ธ.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยเดินทางพบปะกับอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่วางอาวุธเข้ามาเป็นผู้เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ซึ่งจัดงานรำลึกการต่อสู้กับรัฐบาลในอดีตบริเวณลานหินภูดานยาว ทางทิศใต้บ้านบาก ต.บ้านบาก อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของอนุสรณ์สถานวีระชนผู้เสียสละสังกัดเขตงาน 444 ที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยร่วมกันสร้างขึ้นมา
ผู้มาร่วมงานนอกจากจะเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ต้องการรำลึกถึงความหลัง ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดใกล้เคียงมารอต้อนรับ พล.อ.ชวลิตราว 500 คน แต่กลับไม่มีแกนนำคนสำคัญของ พคท.ในอดีต อาทิ น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช น.พ.เหวง โตจิราการ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เดนทางมาร่วมงานครั้งนี้ รวมทั้ง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ที่กลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นป้ายต้อนรับก็ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใดด้วย
พล.อ.ชวลิต ได้ปราศรัยกับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง โดยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้หายจากความยากจน พร้อมสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองและลุกลามไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ซึ่งเป็นมิตรที่ดีกับประเทศไทยมาตลอด พร้อมกล่าวยกย่องสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทย ก็เพราะเป็นความอึดอัดใจของประเทศเพื่อนบ้านที่มีต่อการบริหารงานของรัฐบาลนี้
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ชวลิตไม่พูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า สมเด็จฮุนเซนเพิ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดนี้ เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ตั้งแต่ปลายปี 51 หลังจาก พล.อ.ชวลิตและทีมงานเดินทางไปพบสมเด็จฮุนเซนที่พนมเปญ โดยก่อนหน้านั้น ความสัมพันธ์ 2 ประเทศก็อยู่ในภาวะปกติมาตลอด แต่หลังจาก พล.อ.ชวลิตกลับจากกัมพูชา สมเด็จฮุนเซนก็ประกาศแต่งตั้ง ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา และไม่ส่งตัวทักษิณให้กับทางการไทยทั้งที่มีสันธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกัน ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบศาลไทยว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ไทยต้องประท้วงก้วยการเรียกเอกอัครราชทูตกลับประเทศและทบทวนเอ็มโอยู.เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หลังจากนั้นรัฐบาลกัมพูชายังสร้างเรื่องต่อด้วยการจับกุมวิศวกรไทย เพื่อให้ ทักษิณ แสดงบทฮีโร่เข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่ฮุนเซนยังคงแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยบอกว่าตนเองไม่มีความสุขหากยังมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศของไำทย และอ้างว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ตามปกติกับไทย ก็ต่อเมื่อ 2 คนที่พ้นจากตำแหน่งเท่านั้น
พล.อ.ชวลิตยังอ้างว่า การรัฐประหารของทหารที่ผ่านมากว่า 10 ครั้ง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ โดยเฉพาะการรัฐประหารครั้งล่าสุด เป็นการรัฐประหารที่ล้มเหลว มีจุดประสงค์เล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย “ทั้งที่คนที่อยู่ต่างประเทศ เป็นคนที่จงรักภักดีกับสถาบันเป็นที่สุด” จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตว่า หลังจา่กการยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.49 พล.อ.ชวลิต ไม่ได้แสดงออกถึงการคัดค้านการยึดอำนาจครั้งนี้แต่อย่างใด และยังมีข่าวว่าพยายามเข้าไปมีบทบาทในรัฐบาลหลังการยึดอำนาจด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด จนต่อมาก็ประกาศจะรับบทโซ่ข้อกลางเพื่อสร้างความสมานฉันท์กับแต่ละฝ่าย ทั้งยังเขียนหนังสือเรื่องขบวนการ"ล้มปืน-ล้มทุน-ล้มเจ้า" แต่ไปๆ มาๆ กลับประกาศไปอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างเหตุผลว่า เพราะเป็นโซ่ข้อกลางแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ ก็เลยต้องเลือกข้า่งใดข้างหนึ่ง
พล.อ.ชวลิตอ้างต่อว่า หลังจากนี้ ตนจะขอพบแกนนำของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เพื่อพูดคุยหารือหาทางออกให้ประเทศ และจะเป็นการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ไม่มีการปกปิดปิดบัง เพราะเป็นการพูดคุยเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ พร้อมหวังจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยทุกคนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การจัดงานรำลึกของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเขตงานที่ 444 ภูสระดอกบัว อดีตเป็นฐานปฏิบัติงานตรงรอยต่อของ 3 จังหวัดอีสานใต้ คือ จ.ยโสธร มุกดาหาร และอำนาจเจริญในปัจจุบัน โดยเดือนธันวาคมของทุกปี กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จะจัดงานรำลึกและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้สมาชิกที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับรัฐบาล และปีนี้เป็นปีแรกที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้าร่วมงาน พร้อมได้บริจาคเงินช่วยสมทบการก่อสร้างอนุสรณ์สถานจำนวน 50,000 บาท พร้อมรับปากกับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะจ่ายเงินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่มีรายชื่อตกหล่นจากสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้ด้วย