มหาสารคาม-ชาวอำเภอแกดำประยุกต์การออกกำลังกายประกอบเสียงดนตรีด้วยวงปี่พาทย์ ทำให้เป็นที่สนใจของเยาวชนฝึกฝนจนสำเร็จได้เป็นตัวแทนภาคเข้าร่วมแข่งขันระดับประเทศ
ที่บ้านแกดำ ตำบลแกดำ จังหวัดมหาสารคาม มีปราชญ์ชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับดนตรีด้านวงปี่พาทย์แบบพื้นบ้านที่มีเครื่องดนตรีประเภทดีด สี ตี เป่า และเครื่องประกอบจังหวะ ที่นับวันจะเลือนหายไปจากชุมชน เนื่องจากไม่เป็นที่สนใจของเยาวชนที่จะสืบทอดไปสู่ลูกหลานรุ่นต่อๆไป โรงพยาบาลอำเภอแกดำจึงได้ประสานแนวคิดกับผู้นำหมู่บ้านแกดำ
เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายให้กับกลุ่มเยาวชนประยุกต์ดนตรีด้วยวงปี่พาทย์ เริ่มจากเยาวชนชาย-หญิงจำนวน 7 คน เข้ารับการฝึกฝนที่เป็นการสืบทอดศิลปแม่ไม้มวยไทยแบบโบราณผสมผสาน การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุก หรือรับ ในการต่อสู้
ซึ่งในอดีตมวยไทยโบราณไม่ได้ ใส่นวม จะชกกัน แต่ชกด้วยมือเปล่า หรือใช้ผ้าดิบ พันมือ จึงสามารถใช้มือ จับคู่ต่อสู้ เพื่อทุ่ม หัก หรือบิดได้ นักมวยจึงใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ มวยไทย มากกว่าการใช้พละกำลัง จึงเกิด ท่า มวยมากมาย ที่สามารถนำไปประยุกต์เพื่อเป็นการออกกำลังกาย ควบคู่กับการกระโดดเชือกได้เป็นอย่างดีโดยใช้เวลา 30 นาที
จึงทำให้เป็นที่สนใจของชาวบ้านและเยาวชนร่วมกันฝึกฝน จนชำนาญและมีความพร้อมเพียง จึงได้รับการคัดเลือกเข้าแข่งขันในระดับเทศต่อไฟ
ที่บ้านแกดำ ตำบลแกดำ จังหวัดมหาสารคาม มีปราชญ์ชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับดนตรีด้านวงปี่พาทย์แบบพื้นบ้านที่มีเครื่องดนตรีประเภทดีด สี ตี เป่า และเครื่องประกอบจังหวะ ที่นับวันจะเลือนหายไปจากชุมชน เนื่องจากไม่เป็นที่สนใจของเยาวชนที่จะสืบทอดไปสู่ลูกหลานรุ่นต่อๆไป โรงพยาบาลอำเภอแกดำจึงได้ประสานแนวคิดกับผู้นำหมู่บ้านแกดำ
เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายให้กับกลุ่มเยาวชนประยุกต์ดนตรีด้วยวงปี่พาทย์ เริ่มจากเยาวชนชาย-หญิงจำนวน 7 คน เข้ารับการฝึกฝนที่เป็นการสืบทอดศิลปแม่ไม้มวยไทยแบบโบราณผสมผสาน การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุก หรือรับ ในการต่อสู้
ซึ่งในอดีตมวยไทยโบราณไม่ได้ ใส่นวม จะชกกัน แต่ชกด้วยมือเปล่า หรือใช้ผ้าดิบ พันมือ จึงสามารถใช้มือ จับคู่ต่อสู้ เพื่อทุ่ม หัก หรือบิดได้ นักมวยจึงใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ มวยไทย มากกว่าการใช้พละกำลัง จึงเกิด ท่า มวยมากมาย ที่สามารถนำไปประยุกต์เพื่อเป็นการออกกำลังกาย ควบคู่กับการกระโดดเชือกได้เป็นอย่างดีโดยใช้เวลา 30 นาที
จึงทำให้เป็นที่สนใจของชาวบ้านและเยาวชนร่วมกันฝึกฝน จนชำนาญและมีความพร้อมเพียง จึงได้รับการคัดเลือกเข้าแข่งขันในระดับเทศต่อไฟ