ลำปาง - ช้างน้อยพังน้ำฝน กำพร้าแม่ตั้งแต่เกิดวัย 9 เดือนกว่า ล้มแล้ว หลังป่วยท้องร่วงไม่กินนม เนื่องจากร่างกายภูมิคุ้มกันต่ำและอากาศเย็น
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ที่โรงพยาบาลช้าง ของมูลนิธิเพื่อนช้าง อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ทางสัตว์แพทย์ได้นำผ้าห่มมาคลุมร่างของพังน้ำฝน ช้างน้อยวัย 9 เดือนเศษ ซึ่งเป็นช้างกำพร้าที่แม่ไม่รับตั้งแต่แรกเกิด พร้อมด้วยของเล่นเป็นลูกบอลสีแดงนำมาวางไว้ข้างๆ หลังจากที่ลกช้างได้ล้มเมื่อเช้ามืดวันที่ 19 ธ.ค.52 ด้วยอาการสงบ
ช้างพังน้ำฝน เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2552 โดยมีแม่ชื่อพังบุญปัน เป็นช้างรับจ้างจากปางช้างแม่ปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งพังบุญปัน มีประวัติเคยทำร้ายลูกตัวเองจนตายขณะที่ให้กำเนิดมาแล้วโดยไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน เพราะขณะนั้นไว้ใจคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง แต่ในครั้งนี้ถึงเวลาใกล้จะคลอดจึงได้นำพังบุญปันมารออกลูกที่ รพ.ช้างมูลนิธิเพื่อนช้าง เนื่องจากว่ามีประสบการณ์
จนกระทั่งพังบุญปันได้ออกลูกและทางมูลนิธิฯ ตั้งชื่อให้ว่า พังน้ำฝน เนื่องจากเป็นช้างเพศเมียและเกิดขณะที่มีฝนตก แต่พังบุญปันไม่รับพังน้ำฝนเป็นลูก ทางเจ้าของจึงได้นำพังบุญปันกลับไปที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนพังน้ำฝนได้มอบให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯมากว่า 8 เดือน
แต่ด้วยพังน้ำฝนไม่ได้กินนมแม่ตั้งแต่เกิด จึงทำให้ภูมิคุ้มกันน้อย ประกอบกับช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งร้อน ทั้งเย็น ทำให้พังน้ำฝนปรับสภาพไม่ทัน เจ็บป่วยมาโดยตลอด
นายสัตวแพทย์ปรีชาพวงคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง เปิดเผยว่า พังน้ำฝนไม่มีแม่ตั้งแต่เกิด จึงต้องดื่มนมผงชนิดพิเศษมาโดยตลอด ซึ่งตามปกติลูกช้างที่อายุขนาดนี้น้ำหนักจะอยู่ที่ 250-300 กิโลกรัม แต่พังน้ำฝนมีน้ำหนักเพียง 120 กิโลกรัม ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก ซึ่งทางมูลนิธิฯได้ดูแลอย่างใกล้ชิดโดยจัดซื้อนมผงชนิดพิเศษมาให้ดื่มกิน และให้น้ำเกลือตลอด แต่พังน้ำฝนนั้นมีอาการท้องร่วงมาตลอด
จนกระทั่งช่วงสองวันที่ผ่านมา พังน้ำฝนไม่ค่อยจะดื่มนม กินแต่น้ำและจะเดินเล่นตามประสาช้างน้อย กระทั่งคืนวันที่ 18 ธ.ค.52 พังน้ำฝนเริ่มมีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดและล้มตัวลงนอน ซึ่งทางทีมแพทย์ก็เฝ้าดูอาการตลอดจนกระทั่งพังน้ำฝนได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ
ในส่วนของมูลนิธิฯ จะดำเนินการผ่าเอาชิ้นเนื้อส่งไปพิสูจน์ที่ ศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้ง ส่วนร่างได้นำฝังที่สุสานช้างของมูลนิธิฯต่อไป