อุดรธานี - เลือกตั้ง อ.ก.ค.ศ.สามัญอุดรฯ 14 ธ.ค.นี้วุ่น ครูโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งสายบริหาร-สายผู้สอน ไม่พอใจการจัดการเลือกตั้งในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 หวั่นให้กลุ่มโรงเรียนเป็นหน่วยเลือกตั้ง/นับคะแนน ส่อ “ล็อบบี้”สูง เอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามหวังดันพรรคพวกเข้าวิน ทั้งผิดกฎของ ก.ค.ศ.ชัดเจน เผยครูสายบริหารถูกกดดันอย่างหนัก และทำให้ครูสายผู้สอนเดือนร้อน บางส่วนจะไม่เดินทางไปใช้สิทธิ
นายจักรพงษ์ ไชยพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา ผู้สมัครผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 กรณีการจัดเลือกตั้งไม่เหมาะสมและผิดระเบียบมาแล้ว แต่เขตฯยังยืนยันว่าไม่ได้ทำทำผิด โดยจะเดินหน้าตามรูปแบบการจัดเลือกตั้งแบบเดิม จึงทำหนังสือร้องขอให้ทบทวนไปที่ ก.ค.ศ.ส่วนกลาง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเห็นว่านอกจากจะขัดต่อระเบียบ ข้อ 14 การเลือกตั้งใช้การออกเสียงโดยตรง และลับ แต่ขณะนี้มันไม่เป็นความลับ
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งคณะอนุกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( อ.ก.ค.ศ.)สายมัธยมที่ผ่านมา จัดให้เลือกที่เขตการศึกษา เช่นเดียวกับจังหวัดอื่น เพราะมีจำนวนโรงเรียนไม่มาก โดยเขต 1 มีเพียง 25 โรงเท่านั้น มีผู้บริหารมีสิทธิออกเสียง 71 คน เมื่อ เขต 1 อุดรธานี ให้กลุ่ม 23 กลุ่มเป็นหน่วยเลือกตั้ง ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับ เพราะมีผู้มีสิทธิไปลงคะแนนในทุกกลุ่มคือ 1 คน 4 หน่วย , 2 คน 5 หน่วย , 3 คน 4 หน่วย , 4 คน 6 หน่วย , 5 คน 3 หน่วย และ 6 คน 1 หน่วย การใช้สิทธิจึงไม่เป็นความลับ หลังเลือกตั้งครูจะมองหน้ากันไม่ติด เพราะต่างรู้ว่าแต่ละคนเลือกใคร
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ครูผู้สอนก็ต่างเดือดร้อนในการเดินทาง เช่น ครู รร.สตรีราชินูทิศ 204 คน ไปใช้สิทธิ รร.บ้านเชียงยืน 24 กม. , รร.อุดรพิชัยรักษ์พิทยา 136 คน ไปใช้สิทธิ รร.ประชาสามัคคี ระยะทาง 42 กม. , รร.ประจักษ์ศิลปาคาร 133 คน ไปใช้สิทธิ รร.บ้านเลื่อม ระยะทาง 14 กม. จากเดิมเคยไปใช้สิทธิที่เขตฯระยะทางไม่กี่กิโลเมตร ทำให้มีครูบางส่วนจะไม่ไปใช้สิทธิ อาจจะมีผู้สมัครและผู้สนับสนุน จัดรถให้ครูไปใช้สิทธิให้ตนเอง จึงอยากให้มีการทบทวนด่วน ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย
ด้านนายยุทธพงศ์ วชิรปัญญาวัฒน์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี เปิดเผยว่า การไปเลือกตั้งที่กลุ่ม และนับคะแนนที่นั่น ถือว่าเป็นการทำถูกต้องแล้ว เพราะเป็นการเข้าไปใช้สิทธิในคูหา แล้วก็กาเลือกในที่ลับ สอบถามไปแล้วคนกาเขาไม่คิดมาก เขาไม่มีปัญหาอะไร คนมีปัญหาคือคนสมัคร ก็ได้ชี้แจงให้ผู้สมัครไปแล้ว ยังไม่ทราบว่ามีการร้องไปถึงรัฐมนตรี และตนขอ ยืนยันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นายพงศาสตร์ กิจนุกร ผู้อำนวยโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ประธาน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ไม่มีอำนาจไปสั่งการได้ เพราะเป็นอำนาจเขตพื้นที่ ที่อ้างว่าเป็นมติของกรรมการจัดเลือกตั้ง กรรมการฯเขาคงไม่รู้กฎข้อ 14 จึงอยากให้ทบทวนมาเลือกที่เขตเช่นเดิม เพราะแบบเลือกที่กลุ่มฯ สามารถ“บล็อค”ผู้ใช้สิทธิลงคะแนน ให้เลือกคนไหนก็ได้ และยิ่งมีหมายเลขประจำบัตร ก็ยิ่งบล็อคให้เลือกใครก็ได้เช่นกัน เมื่อเขตฯไม่ยอมทบทวน ก็ส่งให้ ก.ค.ศ.กลางไปพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเลือกตั้ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี สายมัธยมศึกษา มีความพยายามของกลุ่ม อ.ก.ค.ศ.ชุดเดิม และนักการเมือง ส่งคนของตนเองมาสมัคร เพื่อเข้าไปกำหนดตัวผู้บริหารโรงเรียนประจำจังหวัด 2 โรง คือ ผอ.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล และ ผอ.โรงเรียนสตรีราชินูทิศ ที่ว่างอยู่ยังไม่มีการพิจารณา โดยมีการกำหนดตัวไว้แล้ว หากเลือก อ.ก.ค.ศ.เสร็จ ก็จะมีการประชุมทันทีเพื่อให้แล้วเสร็จก่อนถึงปีใหม่
นายจักรพงษ์ ไชยพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา ผู้สมัครผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 กรณีการจัดเลือกตั้งไม่เหมาะสมและผิดระเบียบมาแล้ว แต่เขตฯยังยืนยันว่าไม่ได้ทำทำผิด โดยจะเดินหน้าตามรูปแบบการจัดเลือกตั้งแบบเดิม จึงทำหนังสือร้องขอให้ทบทวนไปที่ ก.ค.ศ.ส่วนกลาง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเห็นว่านอกจากจะขัดต่อระเบียบ ข้อ 14 การเลือกตั้งใช้การออกเสียงโดยตรง และลับ แต่ขณะนี้มันไม่เป็นความลับ
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งคณะอนุกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( อ.ก.ค.ศ.)สายมัธยมที่ผ่านมา จัดให้เลือกที่เขตการศึกษา เช่นเดียวกับจังหวัดอื่น เพราะมีจำนวนโรงเรียนไม่มาก โดยเขต 1 มีเพียง 25 โรงเท่านั้น มีผู้บริหารมีสิทธิออกเสียง 71 คน เมื่อ เขต 1 อุดรธานี ให้กลุ่ม 23 กลุ่มเป็นหน่วยเลือกตั้ง ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับ เพราะมีผู้มีสิทธิไปลงคะแนนในทุกกลุ่มคือ 1 คน 4 หน่วย , 2 คน 5 หน่วย , 3 คน 4 หน่วย , 4 คน 6 หน่วย , 5 คน 3 หน่วย และ 6 คน 1 หน่วย การใช้สิทธิจึงไม่เป็นความลับ หลังเลือกตั้งครูจะมองหน้ากันไม่ติด เพราะต่างรู้ว่าแต่ละคนเลือกใคร
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ครูผู้สอนก็ต่างเดือดร้อนในการเดินทาง เช่น ครู รร.สตรีราชินูทิศ 204 คน ไปใช้สิทธิ รร.บ้านเชียงยืน 24 กม. , รร.อุดรพิชัยรักษ์พิทยา 136 คน ไปใช้สิทธิ รร.ประชาสามัคคี ระยะทาง 42 กม. , รร.ประจักษ์ศิลปาคาร 133 คน ไปใช้สิทธิ รร.บ้านเลื่อม ระยะทาง 14 กม. จากเดิมเคยไปใช้สิทธิที่เขตฯระยะทางไม่กี่กิโลเมตร ทำให้มีครูบางส่วนจะไม่ไปใช้สิทธิ อาจจะมีผู้สมัครและผู้สนับสนุน จัดรถให้ครูไปใช้สิทธิให้ตนเอง จึงอยากให้มีการทบทวนด่วน ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย
ด้านนายยุทธพงศ์ วชิรปัญญาวัฒน์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี เปิดเผยว่า การไปเลือกตั้งที่กลุ่ม และนับคะแนนที่นั่น ถือว่าเป็นการทำถูกต้องแล้ว เพราะเป็นการเข้าไปใช้สิทธิในคูหา แล้วก็กาเลือกในที่ลับ สอบถามไปแล้วคนกาเขาไม่คิดมาก เขาไม่มีปัญหาอะไร คนมีปัญหาคือคนสมัคร ก็ได้ชี้แจงให้ผู้สมัครไปแล้ว ยังไม่ทราบว่ามีการร้องไปถึงรัฐมนตรี และตนขอ ยืนยันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นายพงศาสตร์ กิจนุกร ผู้อำนวยโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ประธาน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ไม่มีอำนาจไปสั่งการได้ เพราะเป็นอำนาจเขตพื้นที่ ที่อ้างว่าเป็นมติของกรรมการจัดเลือกตั้ง กรรมการฯเขาคงไม่รู้กฎข้อ 14 จึงอยากให้ทบทวนมาเลือกที่เขตเช่นเดิม เพราะแบบเลือกที่กลุ่มฯ สามารถ“บล็อค”ผู้ใช้สิทธิลงคะแนน ให้เลือกคนไหนก็ได้ และยิ่งมีหมายเลขประจำบัตร ก็ยิ่งบล็อคให้เลือกใครก็ได้เช่นกัน เมื่อเขตฯไม่ยอมทบทวน ก็ส่งให้ ก.ค.ศ.กลางไปพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเลือกตั้ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 อุดรธานี สายมัธยมศึกษา มีความพยายามของกลุ่ม อ.ก.ค.ศ.ชุดเดิม และนักการเมือง ส่งคนของตนเองมาสมัคร เพื่อเข้าไปกำหนดตัวผู้บริหารโรงเรียนประจำจังหวัด 2 โรง คือ ผอ.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล และ ผอ.โรงเรียนสตรีราชินูทิศ ที่ว่างอยู่ยังไม่มีการพิจารณา โดยมีการกำหนดตัวไว้แล้ว หากเลือก อ.ก.ค.ศ.เสร็จ ก็จะมีการประชุมทันทีเพื่อให้แล้วเสร็จก่อนถึงปีใหม่
