สกลนคร- อดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) 4 จังหวัดในภาคอีสานนัดชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดสกลนคร ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทบทวนความช่วยเหลือ ย้ำต้องช่วยเหลือเป็นรายบุคคลเท่าเทียมกันเพราะถือว่าออกจากป่ามอบตัวเพราะรัฐบาลเสนอเงื่อนไขช่วยเหลือ จวกปัญหาผรท.ไม่จบ คาราคาซังมานานเพราะทัพภาค 2 ตุกติกเล่นแง่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(9 ธ.ค.) ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสกลนคร ได้มีชาวบ้านจากจังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และหนองคาย จำนวนกว่า 500 คน เดินทางด้วยรถยนต์และรถบัส เปิดเครื่องขยายเสียงชุมนุม นำโดยนายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.2 )4 ภาค นายกิยงค์หรือกำนันยงค์ มูลเมือง หรือสหายเพลิน จากอำเภอนาแก จ.นครพนม
นายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่ม ผรท.(ผ2) 4ภาค กล่าวถึงนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่าน่าจะแก้ปัญหาของอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยให้ได้และขอให้จบโดยเร็วเพราะที่ผ่านมามีแต่การแก้ปัญหาแบบขอไปที พร้อมกับบอกว่ากลุ่มของพวกตนมายื่นข้อเรียกร้องและขอเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 5 จังหวัด และในฐานะเป็นประธานกลุ่มและคณะอนุกรรมการ ระดับจังหวัด ขอเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด คือสกลนคร นครพนม หนองคาย กาฬสินธุ์ และท่านผู้ว่าการจังหวัดทหารบก (ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม) และขอเจรจาภายในบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ทางกลุ่มมีข้อเสนอที่จะขอเรียกร้อง คือ ขอให้มีการยกเลิกคุณสมบัติข้อ 5.4.1 ว่าต้องเป็นบุคคลที่เกิดในปี พ.ศ.2509 หรือก่อนนั้น โดยไม่เอาอายุมาเป็นเกณฑ์หรือชี้วัด ทุกคนเข้าป่าและออกมอบตัวต้องได้สิทธิ์นั้นทุกคนและเท่าเทียมกันและให้ตัดหรือยกเลิก ข้อ 5.4.3 คำว่าเป็นผู้ที่มีความยากจน ไม่อยากให้เอาเกณฑ์คำว่าร่ำรวยมาอ้าง ทุกคนต้องได้รับสิทธิ์เท่ากัน
เงื่อนไขในการช่วยเหลือต้องยกเลิก ข้อ 5.5.1 ความว่าให้ช่วยเหลือเป็นรายครอบครัวหากเป็นสามีภรรยาให้พิจารณาแก้เพียงรายเดียว ซึ่งย้ำว่าทุกคนแม้จะแต่งงานกัน แต่สิทธิ์ที่จะได้ต้องเท่านั้น ให้ใช้คำว่าช่วยเป็นรายบุคคลแทน โดยไม่เลือกปฎิบัติและให้ยกเลิกข้อที่ 5.5.3 ความว่า ผู้มีฐานะดีเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจฯ ให้ใช้คำว่าจะร่ำรวยหรือยากจน จะมีเงินเดือนหรือไม่มีเงินเดือน เมื่อทุกคนออกมามอบตัวแล้วภายใต้นโยบายเดียวกัน เขาต้องมีสิทธิ์เท่ากัน นอกจากเขาจะสละสิทธิ์เท่านั้น
นายบุญใส กล่าวอีกว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการมาเพื่อทำลายบรรยากาศบ้านเมืองแต่เพราะความยากลำบากของทุกคน อดีต ผรท.จึงลุกขึ้นมาเพราะปัญหาให้ความช่วยเหลือเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คาราคาซังมานาน แก้ไม่หมดสักที จึงขอให้รัฐบาลมีความจริงใจด้วย พวกเรามีความจำเป็นที่ต้องมาชุมนุมเพื่อประกาศจุดยื่นร่วมกันทั้ง 4 จังหวัด และบอกว่าเรายังไม่ได้รับสิทธ์นั้น
นอกจากนี้ อยากบอกว่าหลักเกณฑ์ที่ออกมาช่วยเหลือ อดีต ผรท.นั้น ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม มองว่ารัฐบาลมีเจตนาดีต่อพวกเราอยากช่วยเหลือ แต่ กองทัพภาคที่ 2 มีเจตนาร้ายไม่อยากให้พวกเราผ่านกระบวนการคัดกรอง จึงตั้งระเบียบขึ้นมาหลายอย่างในการช่วยเหลือ แม้ตัวแทนเราจะเสนอแนะไปหลายครั้ง แต่ทางกองทัพก็ไม่เคยฟังเสียงเรา ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัดในฐานะคณะกรรมการแก้ไขปัญหา และขอให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอไปยังรัฐบาลด้วย
รายงานแจ้งว่า ในบ่ายวันเดียวกันนี้ นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร จะมอบหมายให้ตัวแทนลงมารับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว พร้อมกับรับปากจะนำเสนอผ่านไปยังรัฐบาลตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(9 ธ.ค.) ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสกลนคร ได้มีชาวบ้านจากจังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และหนองคาย จำนวนกว่า 500 คน เดินทางด้วยรถยนต์และรถบัส เปิดเครื่องขยายเสียงชุมนุม นำโดยนายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.2 )4 ภาค นายกิยงค์หรือกำนันยงค์ มูลเมือง หรือสหายเพลิน จากอำเภอนาแก จ.นครพนม
นายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่ม ผรท.(ผ2) 4ภาค กล่าวถึงนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่าน่าจะแก้ปัญหาของอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยให้ได้และขอให้จบโดยเร็วเพราะที่ผ่านมามีแต่การแก้ปัญหาแบบขอไปที พร้อมกับบอกว่ากลุ่มของพวกตนมายื่นข้อเรียกร้องและขอเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 5 จังหวัด และในฐานะเป็นประธานกลุ่มและคณะอนุกรรมการ ระดับจังหวัด ขอเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด คือสกลนคร นครพนม หนองคาย กาฬสินธุ์ และท่านผู้ว่าการจังหวัดทหารบก (ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม) และขอเจรจาภายในบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ทางกลุ่มมีข้อเสนอที่จะขอเรียกร้อง คือ ขอให้มีการยกเลิกคุณสมบัติข้อ 5.4.1 ว่าต้องเป็นบุคคลที่เกิดในปี พ.ศ.2509 หรือก่อนนั้น โดยไม่เอาอายุมาเป็นเกณฑ์หรือชี้วัด ทุกคนเข้าป่าและออกมอบตัวต้องได้สิทธิ์นั้นทุกคนและเท่าเทียมกันและให้ตัดหรือยกเลิก ข้อ 5.4.3 คำว่าเป็นผู้ที่มีความยากจน ไม่อยากให้เอาเกณฑ์คำว่าร่ำรวยมาอ้าง ทุกคนต้องได้รับสิทธิ์เท่ากัน
เงื่อนไขในการช่วยเหลือต้องยกเลิก ข้อ 5.5.1 ความว่าให้ช่วยเหลือเป็นรายครอบครัวหากเป็นสามีภรรยาให้พิจารณาแก้เพียงรายเดียว ซึ่งย้ำว่าทุกคนแม้จะแต่งงานกัน แต่สิทธิ์ที่จะได้ต้องเท่านั้น ให้ใช้คำว่าช่วยเป็นรายบุคคลแทน โดยไม่เลือกปฎิบัติและให้ยกเลิกข้อที่ 5.5.3 ความว่า ผู้มีฐานะดีเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจฯ ให้ใช้คำว่าจะร่ำรวยหรือยากจน จะมีเงินเดือนหรือไม่มีเงินเดือน เมื่อทุกคนออกมามอบตัวแล้วภายใต้นโยบายเดียวกัน เขาต้องมีสิทธิ์เท่ากัน นอกจากเขาจะสละสิทธิ์เท่านั้น
นายบุญใส กล่าวอีกว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการมาเพื่อทำลายบรรยากาศบ้านเมืองแต่เพราะความยากลำบากของทุกคน อดีต ผรท.จึงลุกขึ้นมาเพราะปัญหาให้ความช่วยเหลือเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คาราคาซังมานาน แก้ไม่หมดสักที จึงขอให้รัฐบาลมีความจริงใจด้วย พวกเรามีความจำเป็นที่ต้องมาชุมนุมเพื่อประกาศจุดยื่นร่วมกันทั้ง 4 จังหวัด และบอกว่าเรายังไม่ได้รับสิทธ์นั้น
นอกจากนี้ อยากบอกว่าหลักเกณฑ์ที่ออกมาช่วยเหลือ อดีต ผรท.นั้น ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม มองว่ารัฐบาลมีเจตนาดีต่อพวกเราอยากช่วยเหลือ แต่ กองทัพภาคที่ 2 มีเจตนาร้ายไม่อยากให้พวกเราผ่านกระบวนการคัดกรอง จึงตั้งระเบียบขึ้นมาหลายอย่างในการช่วยเหลือ แม้ตัวแทนเราจะเสนอแนะไปหลายครั้ง แต่ทางกองทัพก็ไม่เคยฟังเสียงเรา ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัดในฐานะคณะกรรมการแก้ไขปัญหา และขอให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอไปยังรัฐบาลด้วย
รายงานแจ้งว่า ในบ่ายวันเดียวกันนี้ นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร จะมอบหมายให้ตัวแทนลงมารับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว พร้อมกับรับปากจะนำเสนอผ่านไปยังรัฐบาลตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป
